วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

การซื้อไก่ชนอย่างไรให้ได้ที่ถูกใจจริงๆ

หากเราจะพูดถึงการซื้อไก่ชน ก่อนที่เราจะซื้อเราก็ต้องถามรายละเอียดให้รอบคอบเสียก่อน ไม่ว่าใครก็เหมือนกันนะครับไม่ว่าจะเป็นเงินกี่บาทมันก็คือเงินเหมือนกันนะครับไม่ใช่ว่าซื้อไก่ราคาถูกแล้วจะไม่สำคัญนะครับเงินทุกบาททุกสตางค์ที่พี่น้องชาวไก่ชนหามามีค่าทุกบาทนะครับ ไม่อยากให้มาพูดถึงว่าราคาแค่ 300-500 แล้วถามโน่นถามนี่อะไรหนักหนา...! เงินทุกบาทมีค่านะครับ บางคนหามาด้วยความลำบาก ฉะนั้นอย่าดูถูกกันครับ
พอใจซื้อเท่าไหร่ก็ซื้อครับ
ทีนี้เรามาเข้าประเด็นของเราดีกว่าครับ
#ว่าทำยังไงทำอย่างไรถึงจะได้ไก่ที่ถูกใจไม่โดนโกง
#ซื้อไก่ให้ถูกใจ...!
ทุกวันนี้ไก่ชนในสื่อสังคมออนไลน์มีให้เลือกซื้อเลือกชมเยอะแยะเต็มไปหมด อยู่ที่ว่าเราจะเลือกซื้อเลือกชมอย่างไร ส่วนผู้ขาย ก็มีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ หากเปรียบเทียบกับสมัยเมื่อประมาณ5-10ปีก่อน
การขายไก่ออนไลน์ค่อนข้างน้อยมากๆครับ
ส่วนใหญ่ที่พบเห็นจากสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ
ซึ่งแตกต่างกับปัจจุบันนี้ที่ส่วนใหญ่จะซื้อขายกันทาง สื่อสังคมออนไลน์เสียเป็นส่วนใหญ่ จากการสังเกตุการซื้อขายไก่ชนออนไลน์ตั้งแต่ยุคที่สื่อสังคมออนไลน์ยังไม่แพร่หลายมาจนถึงปัจจุบันนี้ ..ซึ่งที่ผ่านมาเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปอย่างมากจากอดีต
เชื่อมั้ยครับว่าทุกวันนี้ใครๆก็สามารถเข้าถึงไก่ชนได้ทั้งหมดจากสื่อออนไลน์ต่างๆ
ฉะนั้นแล้วในสังคมนี้มันจึงมีทั้งคนที่ดีและคนที่ไม่ดีปะปนกันไป (อันที่จริงมันก็มีทุกๆสังคมนั่นแหละครับ)
ยิ่งทุกวันนี้การซื้อขายไก่ชนในสื่อออนไลน์มันง่ายต่อการซื้อขาย ซึ่งการง่ายต่อการซื้อขายนี่แหละ
เรามักเห็นเรื่องการโกงกันเกี่ยวกับการซื้อขายไก่ชนในช่องทางนี้อยู่บ่อยๆ และสิ่งที่ผมห่วงก็คือ
กลุ่มมือใหม่ที่เข้ามาที่กำลังหลงระเริงกับมายา โดยไม่ได้ศึกษาให้ดีก่อน อาจทำให้คนขายบางคนที่ไม่ซื่อสัตย์หรือพวกมิจฉาชีพล่อลวงพูดจาหว่านล้อมให้เข้ามาติดกับดักหรือหลงคารมคำพูดได้ง่าย
ซึ่งส่วนมากแล้วมักจะเสียเงินมากมายแลกกับของห่วยๆกลับมา หรือบางคนซื้อแล้วไม่ได้รับไก่ก็มี
เชื่อเถอะครับ ไก่ไม่ดีให้ฟรีก็เสียใจ แถวบ้านผมบอกว่า
#ไก่บ่ดีให้ฟรีกะเคียด..ฉะนั้นวันนี้ผมจะมาแนะเคล็ดลับง่ายๆ ว่า เราควรทำอย่างไร เพื่อไม่ให้โดนโกง และได้ไก่ที่ถูกใจเรา
สิ่งสำคัญเราต้องรู้จุดประสงค์ของเราว่า
"เราจะซื้อมันมาเพื่ออะไร..?"
ไก่ที่จะซื้อต้องถามรายละเอียดให้ดีว่า มีตำหนิตรงไหน มีความสมบูรณ์แค่ไหน..? ยิ่งถ้าไก่ตัวนั้นมีคลิปชนให้ดูยิ่งดี ให้เราดูที่การวางแข้งหรือการวางแผล อย่าหลงกับลีลามากเกินไป เพราะแค่ลีลาฆ่าไก่ไม่ได้ จงพิจารณาก่อนซื้อให้ดี..!
#การซื้อไก่รุ่น ไก่เล็ก ไม่พร้อมชนหรือไก่มีเหล่ากอ ก่อนท่านจะซื้อท่านต้องศึกษาประวัติมาคร่าวๆว่าต้นสายต้นเหล่ามาจากไหน ไก่เหล่ากอดีๆต้นกำเนิดมีอยู่ไม่กี่ที่ อย่าหลงเชื่อเพียงเพราะว่าไก่ตัวนี้มีลักษณะสวยงามเหมือนเหล่ากอ..!หากเช่นนั้นท่านอาจจะโดนหลอกได้
เจ้าของไก่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการซื้อขายไก่ชน(เหมือนอย่างที่เขาพูดกันอยู่บ่อยๆว่า"#ซื้อไก่ให้ดูเจ้าของ")
เราต้องพิจารณาให้ดีมากกว่าตัวไก่ด้วยซ้ำ หากท่านไม่เคยได้ยิน หรือรู้จักเขาเลย ให้ท่านเข้าไปค้นดูประวัติการขาย รูปฟาร์ม สถานที่เลี้ยงต่าง การคอมเม้นของลูกค้าเก่าๆ มีรูปหน้าตา ชื่อและที่อยู่เขาชัดเจน หากไม่มีเลยให้ระวัง โดยเฉพาะเฟสบุ๊กที่เปิดใหม่ๆ ไม่มีรูปชี้ให้เห็นตัวตนชัดเจนยิ่งอันตรายมาก มีพวกต้มตุ๋นหลอกลวงเกิดขึ้นทุกวัน ...หากท่านไม่แน่ใจอะไรเพียงนิดเดียวเกี่ยวกับตัวเจ้าของไก่ จงอย่าตัดสินใจซื้อ....อย่าเชื่อสิ่งที่เขาอวดอ้างพรรณาให้มาก เพราะไก่เก่งจริงๆมันไม่มีในโลก มันมีข้อด้อย ข้อเสียอยู่ในไก่ทุกตัว “ไก่ใหม่ ตีได้ทุกเชิง ไม่มีอยู่จริง” ราคาเป็นสิ่งล่อใจ อย่าคิดแค่ถูกแล้วจะได้ของดีตลอดมันไม่มีหรอก ในบางครั้งการซื้อไก่เราต้องกล้าลงทุนบ้าง เพราะหากเราซื้อของถูกมาแล้วมันกลายเป็นของห่วยมันอาจทำให้เราเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ แล้วก็จะหลงอยู่ในวังวน (” #หลอกลวง #ไก่เหล่าดี #แต่ตีไม่เก่ง”)
ซึ่งสมัยนี้มีเยอะนะครับ เราต้องสอบถามเหล่ากอโดยละเอียดว่าเขาได้มาจากไหน ได้มาอย่างไร ระบุตัวตนให้ชัด ไม่ใช่อ้างเหล่ากอแต่ระบุแหล่งที่มาแบบหว่านแห หว่านข้าว แบบนี้ไม่ชัดเจนครับ “#อย่าซื้อเพราะมันเสี่ยงที่จะเจอของปลอม” เช่น เห็นคางเคราหน่อยเป็นกระดุมทอง สีแดงหน่อยเป็นนินจา เป็นต้น
เพราะมันมีให้เห็นเยอะในโลกของสื่อออนไลน์ในปัจจุบัน
รับรองว่าในนั้นก็คงมีทั้งจริงและปลอมแน่นอน อันนี้เราต้องใช้วิจารณญาณตัดสินใจให้ดี แล้วให้เราเองนี่แหละจะเป็นผู้ตัดสินว่าสิ่งที่เขาพูดเชื่อได้หรือเชื่อไม่ได้
เพราะการจะซื้อไก่แต่ล่ะตัวเราต้องใช้ทุนทรัพย์ ดังนั้นให้คิดให้ดีก่อนซื้อทุกครั้ง อย่าเอากิเลสความโลภความอยากได้มาก่อน ซื้อไปแล้วไม่มีเงินใช้เลยอันนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน เราต้องคำนวณรายรับรายจ่ายเราให้ดี ทบทวนผลกระทบที่จะได้เจอและวางแผนการใช้เงินในแต่ละครั้งในการซื้อให้ดี
ให้เรามั่นใจจริงๆว่าเราพร้อมที่จะแบกรับภาระนั้นได้จริงๆถึงค่อยซื้อมาเลี้ยง
#และมารยาทในการซื้อขายก็สำคัญ ถ้าเราไม่มั่นใจอย่าจองไว้แล้วไม่ซื้อ เพราะมันทำให้เสียโอกาสผู้ขาย และผู้ที่เขาพร้อมและอยากได้จริงๆ ควรคิดและไตร่ตรองให้ดี
ใจเขาใจเรานะครับ ผู้ขายเขาก็มีความหวังกับผู้ซื้อ
"#สัจจะ #ความซื่อสัตย์ต้องมาก่อนเสมอ" ไม่มั่นใจอย่าไปให้สัจจะเขาไว้ .. อีกกรณีที่เห็นบ่อยก็คือ
"#การประมูลไก่ ตอนประมูลแข่งราคากันน่าดูจนราคาขยับสูงขึ้นๆ จนชนะการประมูล สุดท้ายไม่เอา ขอผ่าน พฤติกรรมผู้ซื้อแบบนี้น่ารังเกียจมาก มันทำลายโอกาสของคนที่เขาพร้อมกว่าและต้องการจริงๆ แต่สู้เขาเหล่านั้นสู้ราคาลวงโลกท่านไม่ได้ น่าสงสารยิ่งกว่า คนขายเองก็หมดอารมณ์ หมดกำลังใจ จะยกให้คนถัดไปก็เป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยดี ไม่เหมือนเดิม เพราะเขาอาจจะมองได้ว่าเป็นของไม่ดีหรือมีตำหนิหรือไม่ ถึงต้องผ่าน ทำให้เกิดคำถามมากมายตามมา ผ่านไปแล้วจะกลับมาเอาอีกมันก็หมดอารมณ์นั้นไปแล้ว สุดท้ายไก่ตัวนั้นส่วนใหญ่เลยมักจะไม่ได้ขายเลยนะ ความผิดเพราะการไม่ไตร่ตรองและคึกคะนองของพวกน่ารังเกียจนี้เพียงไม่กี่คนในสังคม ขอร้องผู้ซื้อทั้งหลายมา ณ ที่นี้ด้วย ไม่มั่นใจอย่าจอง ไม่มั่นใจอย่าสู้ราคาประมูล เพราะท่านจะกลายเป็นบุคคลซึ่งน่ารังเกียจในสายตาผู้อื่น “#แบบนี้นักเลงไก่ชน #เขาไม่ทำกัน จะมีแต่ก็พวกขยะและเหลือบไรของสังคมไก่ชนเท่านั้นแหละครับที่จะทำพฤติกรรมแบบนี้ได้”
และอีกประการหนึ่งที่เข้าข่ายคนจำพวกนี้
คือพวกพ่อค้าหัวใส ที่ทำกันเป็นขบวนการคือการสร้างกระแส ปั่นราคาจนเกินจริง หรือพวกหน้าม้าต่างๆผมว่าพวกนี้ก็น่ารังเกียจไม่แพ้กันครับ ฝากไว้ด้วยเช่นกันนะครับ
#ให้เราพิจารณาจากคลิปให้ดีๆนะครับ การดูคลิปเราเองต้องดูอย่างละเอียด อย่าไปเชื่อมากกับเสียงพากย์เสียงโม้ของเจ้าของไก่ แนะนำให้ดูความแม่นของไก่ที่เราต้องการและต้องดูที่สภาพของไก่นวมด้วย หากว่าไก่นวมโดนพันปาก พันแข้ง ให้เราคิดตาม ว่า ถ้าไก่นวมตัวนั้นสามารถจิก เตะ หรือเข้าทำเชิงได้ในจังหวะที่มันควรจะได้ตี ผลจะเป็นอย่างไร... หากไก่นวมเป็นไก่โง่ ปากช้า ให้คิดว่าถ้าไก่นวมตัวนั้นปากเร็วแล้วไก่คู่ซ้อมจะเป็นอย่างไร...หากไก่นวมตัวนั้นแพ้ทางเชิงชน ให้ลองคิดว่าถ้าเจอไก่เชิงอื่นไก่คู่ปล้ำตัวนั้นจะเชิงแค่นี้จะรับมือไหวมั้ย..และหากไก่นวมตัวนั้นไม่สมบูรณ์ เล็กกว่า เสียเปรียบ ให้คิดตามไปว่า "#คลิปนี้หลอกสายตา #หลอกขายไก่ไว้ก่อนจะดีกว่าครับ" สมัยนี้การจัดฉาก ไก่งาน มีเยอะถึงเยอะมากครับ หลายๆคนเห็นในคลิป โอ้โห..!โคตรเก่งเลย
เราซื้อมากับความหวังมากมาย แต่สุดท้ายเอามาปล้ำจริงในสังเวียน กลับไม่ได้อย่างที่หวังไว้เลยแม้แต่นิดเดียว ที่พูดได้ก็เพราะตัวผมเองก็เคยเจอมาเหมือนกัน สุดท้ายแล้วตัวเราเองก็เสียเงินไปเปล่าๆ ไม่ได้อะไรกลับมา ได้อย่างเดียวคือ #ได้ไก่ต้มมาตัวนึงที่ซื้อมาแพงมาก นั่นก็เพราะว่าตัวเราเองเชื่อคลิปมากเกินไป ไก่เก่งไม่ได้ขึ้นกับคลิป คลิปเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบในการตัดสินใจซื้อไก่ตัวนั้นๆ คลิปเป็นเหมือนรูปจะแต่งให้มันสวยอย่างไรก็ได้ ดังนั้นจงอย่าเชื่อในสิ่งที่คลิปได้บอกไว้ แต่ให้เชื่อสายตาและใจของเราเอง...!
#หวังว่าพี่น้องคงได้ข้อคิดไม่มากก็น้อยนะครับ และหวังว่าต่อไปพี่น้องจะได้ไก่ชนเก่งๆอย่างที่หวังไว้ สำหรับตัวผมเองนั้นก็ไม่ได้หวังว่าท่านจะต้องมาซื้อซื้อไก่จากผมไปหรอกครับ แต่ผมหวังว่าพี่น้องจะสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นมิตรที่เดินเคียงข้างกันไปกับสุดยอดไก่ชนตลอดไปนะครับ หากพี่น้องท่านใดสงสัยหรือไม่แน่ใจยินดีที่จะบอกท่านทุกเรื่อง ไม่มีปิดบัง ถ้าหากเรื่อนนั้นเป็นเรื่องผมรู้และบอกได้นะครับ...!ผมก็จะหามาตอบให้

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ประวัติไก่ชน

วันนี้ผมขอนำเสนอเรื่องราวประวัติไก่ชน 
ก่อนที่เราจะเลี้ยงไก่ชนเราต้องมาศึกษาประวัติความเป็นมาของไก่ชนเสียก่อนว่ามีที่ไปที่มาอย่างไร ดังนั้นเราต้องรู้เรื่องประวัติไก่ชนมาเริ่มกันเลยครับ
ไก่ชน เป็นกีฬาพื้นบ้านชนิดหนึ่งซึ่งได้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล คาดว่าเริ่มมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบัน ประวัติของกีฬาไก่ชนที่เห็นได้เด่นชัดก็คือคราวที่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงได้นำไก่ไปชนกับไก่พม่า และไก่ของพระองค์สามารถเอาชนะไก่ของชาวพม่าได้ กีฬาไก่ชนในปัจจุบัน มีการเลี้ยงไก่ชนอย่างแพร่หลายทั่วทั้งประเทศ และไก่ที่เลี้ยงมีหลายพันธุ์ด้วยกัน
ประวัติกีฬาไก่ชนชน การเล่นไก่เพื่อเป็นเกมกีฬานั้นเท่าที่พอจะค้นหาหลักฐานได้พบว่า เมื่อ 480 ปีก่อน คริสตศักราช ขุนศีกจากนครเอเธนส์(ประเทศกรีซ) ได้ยกทัพเรือไปโจมตีชาวเปอร์เซียน ที่เกาะแซลอะมิส แล้วได้เห็นกีฬาชนไก่ของชาวเปอร์เซียน จนเกิดความสนใจในความแข็งแกร่งของไก่ชน หลังจากรบชนะแล้วจึงได้นำเอาไก่ชนมาจากนครเอเธนส์กลับมาด้วย และได้จัดให้มีการชนไก่เป็นประจำ จากนั้นได้แพร่หลายเข้าสู่กรุงโรม (ประเทศอิตาลี) ในสมัยของ เทมินโตเคลส แล้วแพร่กระจายไปทั่วทวีปยุโรป แม้จะถูกกลุ่มผู้นำศาสนาคริสเตียนขัดขวาง แต่การชนไก่ก็ยังคงเป็นกีฬาที่นิยมกันในประเทศอังกฤษ อิตาลี เยอรมันนี สเปน และบรรดาเมืองขี้นประเทศเหล่านี้ ในปี ค.ศ. 1700 ที่ประเทศอังกฤษมีการผสมพันธุ์ไก่ชน และฝึกให้ชนหรือตีกันจนกลายเป็นอุตสาหกรรมสำคัญในช่วงนี้ จากทวีปยุโรป กีฬาชนไก่ก็แพร่ไปยังทวีปอเมริกา เริ่มต้นโดยชาวอังกฤษ ที่อพยพจากเกาะอังกฤษไปตั้งรกรากที่รัฐนิวอิงแลนด์ของอเมริกา หลังจากนั้นกีฬาชนไก่ก็แพร่ไปทั่วทุกรัฐ และประเทศอื่นๆ ในปีค.ศ.1836 รัฐบาลอเมริกาได้แก้กฎหมายห้ามชนไก่ เพราะถือว่าโหดเหี้ยมทารุนต่อสัตว์ ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับในประเทศไทยในช่วงปี พ.ศ. 2477-2478 ก็ได้นำมาอ้างในการออกกฎหมายบ้าง โดยมีเหตุผลอีกประการหนึ่งว่า หากปล่อยให้เล่นกันแล้วชาวไร่ชาวนา จะพากันหมกมุ่นกับการพนันกีฬาชนไก่ไม่เป็นอันทำไร่ทำนา ในเมืองไทยนั้น กีฬาชนไก่นั้นอาจจะพอสรุปได้ว่า เริ่มมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบันเกือบทุกหัวบ้านหัวเมืองตามตำบลใหญ่จะต้องมี “บ่อนไก่” ไว้สำหรับชนไก่แม้ว่าในระยะหลังจะมีการห้ามเปิดบ่อนกันเพิ่มขึ้นและมีการกำหนดวันชนไก่ได้ไม่เกิน 2 วันต่อเดือน แก่กีฬาชนไก่ และการเลี้ยงไก่ชนก็ยังเป็นที่นิยมแพร่หลายของผู้ชายไทยและปัจจุบันผู้หญิงก็เริ่มเข้ามาสัมผัสวงการไก่ชนเรามากขึ้น เข้าใจมากขึ้นด้วย ดังนั้นผมก็ขอเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่เรื่องราวของไก่ชนมาในทุกแง่ทุกมุม ขอให้พี่น้องจงภูมิใจเถิดที่เรามีไก่ชนเป็นสัตว์ประจำชาติอีกประเภทหนึ่ง เรามาร่วมมือร่วมใจในการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีตั้งแต่บรรพบุรุษให้อยู่ต่อไปชั่วกาลนาน (ภาพ เจ้าตี๋ใหญ่ พ่อแท้ๆเจ้าเดอะซัน พญาม้าล่อ)หวังว่าท่านคงชอบเรื่องราวนี้นะครับ

ลักษณะเกร็ดแข้งไก่เก่ง

#โบราณเปรียบเกล็ดไว้ลายมือ #ชีวิตไก่นั้นฤา #เกล็ดหน้า #น่องหลังสองข้างคือ #น้ำจิตใจนา #เกล็ดพิฆาตนั้นไซร้ #เปรียบได้สมองคน
นี่เป็นคำกลอนที่มีพูดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล แสดงถึงความเชื่อในเรื่องการดูเกล็ดแข้งไก่ว่าตัวไหนจะเก่ง หรือไม่เก่ง ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่อาจจะรับประกันได้ว่าไก่ที่มีเกล็ดพิฆาตแล้วจะชนะและเก่งเสมอไป ดังคำที่ว่าไก่ชนไม่มีแชมป์ ไก่ตัวที่มีเกล็ดพิฆาตเยอะๆ อาจจะแพ้ไก่ตัวที่มีเกล็ดธรรมดาก็ได้ ไม่มีอะไรแน่นอน แต่ผมว่ามีไว้นั้นแหละสบายใจดี ในหน้านี้ผมได้รวบรวมเกล็ดพิฆาตที่มีอานุภาพรุนแรงและหายากมาให้ท่านศึกษา ส่วนจะเป็นจริงขนาดไหน เชิญพิสูจน์ได้ด้วยตัวคุณเอง
#เกล็ดกำไลฟ้าผ่า เป็นเกล็ดที่จัดอยู่ในประเภทเกล็ดพิฆาตแบบน็อค เอ้าท์ เกล็ดกำไลชนิดนี้จะเกิดอยู่ตำแหน่งไหนก็ได้ที่แข้งด้านหน้า ใต้ข้อขา หน้าเดือย ใต้เดือย ลักษณะของเกล็ดชนิดนี้จะเป็นกำไล ที่มีรอยฝาแตกกลางเหมือนเกล็ดแตก แต่ไม่ขาดออกจากกัน กำไล ชนิดนี้พบได้ยากเช่นเดียวกับหนุมานนั่งแท่น กำไลฟ้าฝ่าเป็นกำไล ที่มีฤทธิ์มาก ประเภทตีหักตีชัก หรือประเภทโป้งเดียวจอด ยิ่งถ้า มีสองข้างและตำแหน่งตรงกันก็นั่งกินข้าวสั่งเบียร์รอได้เลย
#จระเข้ขบฟัน เป็นเกล็ดที่สวยงามมาก มีลักษณะเป็นเกล็ด 2 แถว ปัดตลอดทั้งแข้ง เกล็ดชนิดนี้จะพบอยู่บริเวณแข้งด้านหน้า ส่วนมากไก่ที่มีเกล็ดแข้งจระเข้ขบฟันจะพบในแข้งไก่ที่ออก ลักษณะรูปทรงเป็นเหลี่ยมมากกว่าแข้งกลม ตัวเกล็ดเป็นเหลี่ยม ปลายแหลมเหมือนหน้าจั่ว เกล็ดด้านซ้ายและขวาจะขบกันสลับ ไปมา ตั้งแต่ข้อเข่าจนถึงข้อด้านล่างตลอดทั้งแข้ง ก็เหมือนกันกับ ฟันจระเข้ตอนที่หุบฟันลงนั่นเอง
#เกล็ดบัวแข้งหรือเกล็ดพลายน้ำ จะขึ้นจากข้อขาบนตรงน่องสิงห์เรียงลงมาตามสันหลังแข้ง ถ้าเรียงตรงแบบปูกระเบื้อง ถือว่าธรรมดา ถ้าเรียงซ้อนกันลงมาแบบมุงหลังคา ถือว่าดี ถ้าเรียงหงายขึ้นถือว่าธรรมดา ถ้าเรียงคว่ำถือว่าดี ถ้าเรียงลงมาไม่ถึงเดือยหรือแค่ครึ่งแข้งกว่าถือว่าไม่ดี เรียกบัวขาด หรือถอดหัวหนี จะถอดใจง่าย เวลาชน ไม่อดทน ถ้าเกล็ดบัวเรียงลงมาเลยเดือยมากๆ ถึงถุงเงินถือว่าดี อดทน แพ้ยาก ถ้าเกล็ดบัวหลังแตก ถือว่าดี แข้งคม ตีไก่ได้เลือด มีหักมีชัก
#เกล็ดเม็ดข้าวสาร เม็ดข้าวโพด คือ เกล็ดด้านหลังแข้งตรงท้องแข้งที่ขึ้นเรียงต่อจากเดือยขึ้นไปหาข้อขาบน ถ้าเกล็ดเต่งยาวเรียกเม็ดข้าวสาร ถ้าเกล็ดเต่งกลมเรียกว่าเม็ดข้าวโพดถือว่าดี ถ้าเกล็ดเม็ดข้าวสารหรือเม็ดข้าวโพดลีบแบน เรียกอันบอด ถือว่าไม่ดี
#เกล็ดเม็ดข้าวสาร เม็ดข้าวโพด ขึ้นต่อจากเดือยเรียงตรงขึ้นไป ถึงข้อขาบนได้ ๑๒ เกล็ด ถือว่าสุดยอด เรียกข้าวสารพระอินทร์ จะตีไก่เจ็บปวดมาก และไม่แพ้ใคร ถ้าเลี้ยงดีเปรียบดี
#เกล็ดเม็ดข้าวสาร เม็ดข้าวโพด เรียงไม่เป็นระเบียบ ขนาดไม่สม่ำเสมอ ถือว่าสับสน เล่นต้องระวังอย่าเผลอ ให้ดูตรงเม็ดที่ขัดออก นอกแถว ถ้าเต่งจะดี ถ้าบอดจะไม่ดี จะเล่นหรือจะออกตัวให้พิจารณาดูตรงนี้ เพราะเกล็ดเม็ดข้าวสาร เม็ดข้าวโพดจะเป็นตัวบ่งบอกอันไก่ว่าอันไหนดี อันไหนไม่ดี ชนได้ประมาณกี่อัน เช่น ถ้าเกล็ดเม็ด ๑-๒-๓ ใหญ่ แต่ตรงเม็ดที่ ๔ เล็กบอดและขัดออกมานอกแถว ไก่จะเป็นรองในอันนั้น หรือ แพ้อันนั้น ถ้าเกล็ดเม็ด ๑-๒-๓ เล็กเฉ เม็ด ๔-๕-๖ ใหญ่ ตรงเม็ดที่ ๖ ใหญ่มาก ไก่จะเป็นต่อและอาจชนะในอัน ๖ ให้เริ่มเล่นได้ในอันที่ ๔ ไก่ที่มี เม็ดข้าวสารมากๆดีกว่า มีเกล็ดเม็ดข้าวสารเม็ดข้าวโพดน้อย
#เกล็ดเสริมเม็ดข้าวสาร คือ เกล็ดที่ขึ้นคู่ด้านข้างเกล็ดเม็ดข้าวสาร ขาทั้งสองข้าง ถ้าเกล็ดเสริมเม็ดข้าวสารมีข้างละสองแถวเรียงตรงกัน ขึ้นไป เม็ดเกล็ดเต่งตึง แบบเม็ดข้าวสาร ถือว่าดี ตีไก่เจ็บมาก ค่อนข้างหายาก
#เกล็ดสังวาลย์หรือสร้อยสังวาลย์ เป็นเกล็ดด้านข้างอยู่ด้านนอกของแข้งไก่ เรียงตั้งแต่บริเวณเดือนขึ้นไปถึงข้อขาบนทั้งสองข้างขา ถ้า เกล็ดสังวาลย์มีข้างละสามแถวตลอด จะเป็นไก่รักศักดิ์ศรี รักเดิมพันจะไม่ยอมแพ้ไก่ใด ถ้าสองแถวพอใช้ได้ ถ้าแถวเดียวเม็ดเต่งจะเป็นไก่ตีเจ็บปวดดี เกล็ดสังวาลย์จะบ่งบอกความสมบูรณ์ของไก่ ถ้าเกล็ดสีสด ไก่สมบูรณ์ ถ้าเกล็ดสีซีดไก่ไม่สมบูรณ์
#เกล็ดสังวาลย์เพชร คือ เกล็ดแข้งขึ้นเรียงคู่กับเกล็ดสร้อยสังวาลย์ด้านติดกับบัวหลังลักษณะเกล็ดเหมือนๆเกล็ดบัวหลัง เรียงจากบริเวณเดือย ขึ้นไปถึงข้อขา มีอิทธิฤทธิ์พิษสงร้ายแรง ตีไก่ล้มได้
#เกล็ดเต๋า เป็นเกล็ดกลุ่มเล็กๆกลุ่มละ ๔,๕,๖ คล้ายจุดบนลูกเต๋า จะอยู่ด้านข้างแข้งใต้เกล็ดสร้อยสังวาลย์และเกล็ดบัวหลังลงมาแถวใต้เดือยถึง ก้อย มีลักษณะคล้ายเกล็ดดาวล้อมเดือน เป็นเกล็ดเสริมความดีของไก่ เป็นไก่พลิกผันไปในทางดีได้ ถ้าเป็นรองก็จะเป็นต่อได้ เรียกว่ารองเล่นได้
#เกล็ดพวงมาลัย คือ เกล็ดที่ขึ้นล้อมรอบเดือยเหมือนพวงมาลัยล้อมผมจุกเด็กเป็นไก่ใช้ตอแทงจัด
#เกล็ดเชลยหรือเกล็ดเดิมพันหรือเกล็ดประทัดช้าง เป็นเกล็ดขึ้นต่อจากโคนนิ้วก้อยขึ้นอ้อมเดือยด้านในเรียงขึ้นไปถึงข้อขาบน ถือว่าเป็นไก่รัก เดิมพัน มีเชลยหรือตัวแพ้มาเป็นคู่ชนของมัน ยิ่งตีเดิมพันยิ่งแพงยิ่งดี ได้คู่หมู จะชนะแบบไม่เจ็บตัว เวลาเปรียบให้สังเกตถ้ามันรบเร้าจะจิกตีไก่ ตัวใดหรือไก่ตัวใดรบเร้ามาเปรียบบ่อยๆ ให้เอาตัวนั้นจะชนะได้ง่าย
#เกล็ดพิฆาต คือ เกล็ดพิเศษในไก่ที่แสดงว่าไก่นั้นมีลำแก้ ลำหัก ลำโค่น สามารถเอาชนะไก่ได้ง่าย เช่น เกล็ดเสือซ่อนเล็บ เหน็บใน ไชบาดาล ผลาญศัตรู งูจงอาง จักรนารายณ์ สังวาลย์เพชร ฟ้าผ่า พญานาค จระเข้ขบฟัน หนุมานนั่งแท่น ราหูอมจันทร์ เป็นต้น
มาดูลักษณะของเกล็ดพิฆาตว่าเป็นยังไงบ้าง
#ความรู้เรื่องเกล็ดไก่ชน
#ดูด้านหน้าแข้ง หรือบริเวณด้านหน้า เกล็ดหน้าแข้งที่ดีต้องแน่นหนา เรียงตรงเป็นระเบียบตลอด
แข้ง เป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกชีวิตโด่งดังก้าวไกลไปถึงสังเวียนแน่นอน เช่น เกล็ดกำไลพันลำ จระเข้ขบฟัน ร่องน้ำปัดตลอด เหน็บตลอด หนุมานนั่งแท่น ผมตก ขนปก เข้าเขี้ยว เหน็บหน้า ขี้แย ขี้แพ้ พญาครุฑ เป็นต้น
#บริเวณใกล้เดือยด้านหน้า เช่น ดาวล้อมเดือน บัวตูม บัวบาน ดอกจัน กากบาท ราหูอมจันทร์ มังกรคาบแก้ว ข้าตอกแตก มหาอุด
#บริเวณนิ้ว
#1นิ้วชี้ เหน็บใน แซมใน แตกใน
#2นิ้วกลาง ขุนแผนสะกดทัพ เสือซ่อนเล็บ แซมกลาง
#3นิ้วนาง เหน็บนอก แซมนอก แตกนอก
#4นิ้วก้อย ไชบาดาล เหน็บก้อย แตกก้อย
#5ทุกนิ้ว จักรนารายณ์ ผลาญศัตรู
#บริเวณหน้าแข้งด้านใน เช่น เม็ดข้าวโพด เม็ดข้าวสาร ประทับช้าง อันบอด เดือยต่างๆ พวงมาลัย
#บริเวณท้องแข้งด้านนอก เช่น สร้อยสังวาลย์ สังวาลย์เพชร ลูกเต๋า พลายน้ำหรือบัวแข้ง ถอดหัวหนี ถุงเงิน ลักษณะเกล็ดไก่ชน
เกล็ดไก่มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ลักษณะแตกต่างกันไปเฉพาะเกล็ดๆ มีอยู่ 14 ชนิดคือ
#1เกล็ดพัด เป็นเกล็ดพื้นแข้ง และนิ้วไก่ทั้งด้านหน้าด้านหลัง เป็นรูปครึ่งวงกลม ปลายเกล็ดมน คล้ายเกล็ดปลาหรือเล็บมือคน ขึ้นเรียบเป็นแถว เป็นแนว
#2เกล็ดกลีบบัว บางคนเรียกเกล็ดตาไผ่หรือเกล็ดตาอ้อย เป็นเกล็ดพื้นแข้งไก่เช่นเดียวกับเกล็ดพัด ต่างกันตรงปลายเกล็ดแหลมเหมือนกลีบดอกบัว เป็นไก่ที่หายากมาก จะเป็นไก่แข้งคม
#3เกล็ดกระพี้ บางคนเรียกเกล็ดพีหรือพีหยิบ ลักษณะเหมือนเกล็ดพัด แต่ปลายเกล็ดจะเป็นรอยหยักแตกเป็นฟันเลื่อย หรือปากตะขาบ
มีเกล็ดอีกชนิดหนึ่งคล้ายเกล็ดกระพี้ แต่มีขนาดใหญ่อยู่บริเวณหน้าแข้ง เรียกเกล็ดแม่ และจะมีเกล็ดเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ แบบเกล็ดกระพี้ เรียกเกล็ดลูก ไก่มีเกล็ดแบบนี้จะตีเจ็บ
#4เกล็ดเหน็บ คือเกล็ดเล็กๆ ที่ขึ้นแซมเกล็ดใหญ่อยู่แถวหน้าแข้ง หลังแข้งหรือที่นิ้วไก่ มีพิษสงแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่เหน็บ ไก่เกล็ดเหน็บ มักจะมีทีเด็ด มีลูกสวน ลูกน็อค ชนิดโป้งเดียวจอด ถ้าเป็นต่อจะเหน็บแนมให้คู่ต่อสู้บอบช้ำมากขึ้น
เกล็ดเหน็บมี 6 ชนิด คือ
#1เหน็บตลอด คือเกล็ดที่ขึ้นแซมที่หน้าแข้งไก่ตั้งแต่ข้อขาถึงข้อเท้า ยาวเรียงกันตลอด ไม่ขาดไม่ขัด ถ้าเหน็บตรงกลางแข้งแถวเดียวแนวร่องน้ำ เรียก เอกา หรือ ทิ้งดิ่ง ถ้าเหน็บสองแถวเรียก ฟ้าผ่า ถ้าเหน็บ 3 แถว เรียก พญาครุฑ เกล็ดเหน็บตลอดเป็นไก่ที่มีพิษสง หายากมาก
ความรู้เรื่องไก่ชน
#2เกล็ดเสือซ่อนเล็บ หรือเหน็บข้อพับ ลักษณะจะเป็นเกล็ดเล็กๆ หรือเกล็ดแตกหรือเกล็ดเหน็บฝังซ่อนอยู่ตรงข้อพับโคนนิ้วกลาง เวลาไก่ยืนหักนิ้ว จะมองไม่เห็น ไก่เหยียดนิ้วตรงออกมาจะมองเห็น เกล็ดนี้ถ้าแตกมีพิษถึงตาย ถ้าเหน็บรองลงมาแค่สลบพิการ ถ้ามิดธรรมดาแค่ชักดิ้น
#3เหน็บนอก หรือแซมนอก อยู่บริเวณนิ้วนอกหรือนิ้วนาง ตั้งแต่หนึ่งเกล็ดขึ้นไป ถ้ายิ่งมีมากสองข้างยิ่งดี มีพิษสงคล้ายเหน็บในแต่ด้อยกว่า
#4เกล็ดเหน็บใน หรือแซมใน จะเป็นเกล็ดมีรอยแตกซ้อนหรือเหน็บที่บริเวณนิ้วด้านใน (นิ้วชี้) ถ้าเหน็บสองข้าง ข้างละหลายๆเกล็ดตรงกันถือว่าดี ตีหักตีชักแล้วแพ้เลย ถ้าเหน็บสองข้างไม่ตรงกันจะตีหักตีชักหลายๆครั้งจึงแพ้ ถ้าเหน็บข้างเดียวจะตีไก่เจ็บตีหักตีชักเข่นกัน แต่ไม่ถึงกับแพ้ง่าย เหมือนชนิดแรก ถ้าแค่เกล็ดแตกไม่ถึงกับเหน็บหรือซ้อนถือว่าเป็นไก่แข้งคมตีแตกตีหักเช่นกัน
#5เหน็บหน้า คือเกล็ดแซมเกล็ดด้านหน้าแข้งไก่ ถ้าเหน็บหรือแซมร่องน้ำหน้าเดือยทั้งสองข้าง จะตีแม่นแทงตาคู่ต่อสู้ ถ้าเหน็บข้างเดียวเรียก เกล็ดขัด จะตาบอด ถ้าเหน็บตรงอื่นๆบริเวณหน้าแข้งตรงกัน จะดีตีเจ็บ
#6เหน็บหลัง คือเกล็ดแซมด้านหลังแข้ง บริเวณเกล็ดบัวหลัง หรือพลายน้ำ ถือเป็นไก่แข้งคม ตีได้เลือด ถ้าเหน็บตรงเดือยหรือบริเวณใกล้ๆเดือย ถือว่าดี แทงจัดและตีไก่ชัก ถ้าเหน็บใกล้เกล็ดสังวาลย์ด้านข้างจะตีไก่เจ็บ
#5เกล็ดแตก คือเกล็ดที่มีรอยปริหรือรอยแตกผ่ากลาง จะแตกจากด้านบนลงมาหรือด้านล่างขึ้นไปก็ได้ มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ตั้ง ของเกล็ด และจำนวนเกล็ดที่แตก เกล็ดแตกมีอยู่ 5 ชนิด
#จักรนารายณ์ เป็นเกล็ดนิ้วทุกนิ้วแตกหมดทั้ง 8 นิ้ว นิ้วละกี่เกล็ดก็ได้ยิ่งแตกมากยิ่งดี เช่นแตกผ่ากลาง แตกปากตะขาบ หรือแตกเหน็บก็ได้ เกล็ดจักรนารายณ์ต่างจากเกล็ดผลาญศัตรูที่ เกล็ดผลาญศัตรูแตกเฉพาะเกล็ดปลายนิ้วทุกนิ้ว แต่เกล็ดจักรนารายณ์แตกเกล็ดไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้อง เป็นเกล็ดปลายนิ้ว มีพิษสงใกล้เคียงกับเกล็ดผลาญศัตรู
ความรู้เรื่องไก่ชน
#ไชบาดาล คือเกล็ดก้อยทั้ง 2 ข้าง แตกผ่าหรือแตกสลับ ตั้งแต่โคนนิ้วก้อยไปถึงปลายนิ้วก้อยตลอดทุกเกล็ดหรืออย่างน้อยข้างละ 3 เกล็ดขึ้นไป
#เกล็ดผลาญศัตรู เป็นเกล็ดปลายนิ้วที่ติดเล็บทุกนิ้วทั้ง 8 นิ้ว แตกผ่าหรือเหน็บก็ได้ ถือว่าเป็นสุดยอดของเกล็ด จะตีไก่หัก ชัก เจ็บปวด จะแก้ไก่ได้ทุกตัวจะไม่ยอมแพ้ไก่ใด ถ้าแตกไม่ครบ 8 นิ้ว จะเป็นไก่ตีเจ็บ ตีหักตีชักสู้แตกทั้ง 8 นิ้วไม่ได้
#เกล็ดงูจงอาง เป็นเกล็ดเดียวที่แตกกลายเป็นรูปดอกจันอยู่ภายในเกล็ด หรือบางคนเรียกเกล็ดดาว มีพิษสงแบบงูจงอางฉกกัด คู่ต่อสู้จะทนพิษ บาดแผลไม่ไหวจะแพ้ง่ายหรืออาจตายเลยก็มี
#เกล็ดขุนแผนสะกดทัพ เป็นเกล็ดเหน็บหรือแตกตรงข้อพับนิ้วกลาง ยิ่งข้อกลางและมีสองข้างยิ่งดี ทำให้คู่ต่อสู้หมดเก่ง ตีไม่เจ็บ ช้าลง ถ้าแตก ข้างเดียวหรือไม่ตรงกับข้อกลางถือว่าเป็นรอง ถ้าแตกหรือเหน็บทุกข้อทั้งสองข้างของนิ้วกลางจะแพ้ไก่ยาก คู่ต่อสู้ถูกเข้าจะหมดแรงและยอมแพ้ง่าย
อยากเล่าให้ฟังครับ. เราคือพี่น้องกันครับ ไก่ชนทำให้เรารู้จักกัน #สุดยอดไก่ชน #เพื่อชาวไก่ชน

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

การผสมพันธุ์ไก่ชนเพื่อเป็นแนวทางการพัฒนา

วันนี้จะมานำเสนอเรื่องการผสมพันธุ์ไก่ชน อยากให้ทุกท่านมาเรียนรู้เรื่องราวที่ผมนำเสนอ เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาไก่ของท่านให้เก่งยิ่งขึ้น
ทฤษฏี การผสมพันธุ์ (ไก่ชน)
ทฤษฎีการผสมแบบอินบรีด
เลือดนิ่งกะเลือดชิด... เป็นคำพูดที่เราพูดกันบ่อยๆในการพัฒนาไก่ชน... จะต้องอินบรีดกันกี่รุ่นถึงจะนิ่ง... ทำกันไปกี่ทีถึงจะชิด... ยิ่งฟังก็ยิ่งงง... เพราะมันคนละความหมายในความคิดของผม... และแบบใดเล่าที่เรียกว่านิ่ง แบบใดเล่าที่เรียกว่าชิด...
ก่อนอื่น... เราคงต้องมาดูกันว่าในการเพาะพันธุ์สัตว์ที่เขาใช้กันอยู่ในปัจจุบัน... เขาก็จะใช้กันอยู่ไม่กี่วิธี... แบบที่เห็นมากๆคือ ผสมกันไปเรื่อยๆ... เอาตัวนั้นมาผสมตัวนี้ ไม่สนใจว่าสายมันจะมาจากไหน แบบนี้... เรียกว่า ผสมออกมาให้ได้ตัวพอ... ไม่ต้องมาหาประวัติสายพันธุ์อะไรกัน... อีกแบบหนึ่ง... ก็เอามันในครอกเดียวกันนั่นแหละมาผสมกัน... เรียกว่า อินบรีด ก็ได้... พอเอาพ่อแม่ไก่ชนจากที่ไหนมาไม่รู้... แต่ไม่ใช่ครอกเดียวกันแน่ๆ... ผสมกันออกมาก็จะได้รุ่นลูก เราเรียกว่า F1 ... เอา F1 ครอกเดียวกันมาผสมกันได้รุ่นถัดมาเป็น F2 แล้วก็นับกันไป... แบบสุดท้ายก็จะเป็นผสมแบบวงศาคณาญาติ... เรียกว่า ไลน์บรีด... คือเอาสายเลือดใกล้เคียงกันมาผสมกัน...ซึ่งการจะพัฒนาสายพันธุ์ให้ดี ให้เหมาะสม เรามักจะใช้วิธีที่ 2 กะ 3 หรือ อินบรีด กะ ไลน์บรีด นี่แหละเป็นตัวยืน... แล้วอันไหนดีกว่ากันล่ะ อันไหนจะทำให้เลือดนิ่ง อันไหนจะทำให้เลือดชิด... ก็มาดูความหมายกันนิดหน่อยนะ...
เลือดนิ่ง... จะหมายถึง ไก่ชนสีใดๆ รูปร่างลักษณะใดๆ หรือเชิงชนใด ๆก็ตาม... ที่เมื่อนำมาผสมกันแล้ว... ออกมาเป็นสีเดิม รูปร่างลักษณะเดิมๆ..หรือเชิงชนเดิมๆ. เช่น ไก่ป่าในธรรมชาติ...เลือดแท้ๆ... จะผสมกันมายังไง... ก็ได้สีเดิมๆ รูปร่างเดิมๆ ต่างกันแค่ลายดอก ลายผีเสื้อ นิดหน่อย และแตกต่างไปตามสถานที่ตามแหล่ง... เพราะมันจะมีความหลากหลายทางพันธุกรรม... ถามว่าพวกนี้เลือดชิดไหม... ไม่หรอก... แบบนี้เรียกว่าเลือดนิ่งต่างหาก... แต่หากคุณผสมเขาออกมา... มีหุ่นหนาล่ำแบบไก่ชนไทยปักใต้บ้าง... ผ่ามีคอโกลนแบบง่อนบ้างไม่มีบ้าง... แบบนี้ไม่นิ่ง เป็นเลือดผสมแล้ว... ซึ่ง... การทำไก่ชนทั้งรูปแบบอินบรีดและไลน์บรีด... คือวิธีการที่จะทำให้เราได้ไก่ชนเลือดนิ่งเร็วขึ้นนั่นเอง... แต่อินบรีดจะประสบปัญหาเลือดชิดในระยะเวลาที่สั้นกว่าแบบไลน์บรีดมาก...
เลือดชิด... เลือดชิดในความหมายของผม... คือการนำไก่ชนในครอกเดียวกัน ในสายเครือญาติเดียวกัน... ผสมกันไปเรื่อยๆ... นานๆมากเข้า... ก็จะเกิดอาการผิดปกติขึ้นมา... หากเป็นคนก็จะออกอาการปัญญาอ่อนประมาณนั้น เป็นไก่ชนก็ประเภท... ตัวคด สั้น ขนไม่สวย โง่ ระบบการหายใจผิดปกติ มีไก่ชนประหลาดหลุดออกมามากขึ้น...กระดูกผิดรูป... อ่อนแอและไวต่อโรคมากกว่าไก่ชนที่ผสมตามปกติ ทำนองนั้น... มักเจอผลเสียมากกว่าผลดี... ขึ้นอยู่กับการเลือกการคัดพันธุ์ด้วยส่วนหนึ่ง... ส่วนใหญ่จะเกิดจากการอินบรีดเกินกว่า 3 รุ่น หรือ F3ไปแล้ว แต่ก็ได้ยินว่าทำไปได้มากกว่านั้น... ซึ่งผมไม่เคยลอง... เพราะไม่ชอบวิธีนี้เท่าไร อย่างมาก F2 ผมก็หนีแล้ว...
คราวนี้มาดูความต่างระหว่างการนับ F กะการนับรุ่น (Generation) บ้าง...
ไก่ชน A + ไก่ชน A F1 G1 ไก่ชน A + ไก่ชน A F1 G1
ไก่ชน 2A F2 G2 ไก่ชน 2A F2 G2
ไก่ชน 2A + ไก่ชน 2A ไก่ชน 2A + ไก่ชน AB
ไก่ชน 4A F3 G3 ไก่ชน 3AB F1 G3
ไก่ชน 4A + ไก่ชน 4A ไก่ชน 3AB + ไก่ชน 3AB
ไก่ชน 8A F4 G4 ไก่ชน 2(3AB) F2 G4
งงไหม !!! นี่ไม่ใช่เรื่อง Genetic นะ... แต่เอาไว้นับรุ่นเล่นๆตามแบบของผม... จะได้ไล่สายถูก... จะเห็นว่า F จะมากขึ้นหากมีการอินบรีดไปเรื่อยๆ... และ จะเริ่มนับ F1 ใหม่ เมื่อมีการนำมาไขว้หรือสับเลือดไก่ชนสายอื่นๆเข้าไป... แต่ Generation หรือรุ่นไก่ชน เราจะนับต่อๆไปได้เลย... ดังนั้น... มันจะเข้าใจได้ง่าย... ปีนี้ผมพัฒนาไก่พม่ามา 6 รุ่นแล้ว... กับพัฒนาไก่ชนพม่ามา F6 แล้ว คนละเรื่องกันเลยนะ...
และถ้าดูดีๆ... ตารางนี้ทางซ้ายคือการผสมไก่ชนแบบอินบรีด... โดยใช้ไก่สายเลือด A เป็นหลัก... ขณะที่ทางขวา... ก็ใช้สายเลือด A เช่นกัน แต่มีการนำไก่ชนสาย A ไปผสมกับ B มาก่อน แล้วนำมาย้อนกลับสาย A อีกครั้งหนึ่ง... จะเรียกว่า ไลน์บรีด ได้เลย... โดยที่สายเลือดเด่นๆ ก็คงหนีไม่พ้นไก่ชนสาย A แน่ๆ... แต่เลือดไม่ชิด... เพราะ F น้อยกว่า... ในขณะที่ระยะเวลาในการพัฒนาเท่าๆกัน... ส่วนใครจะอาจจะแย้งว่า ฝั่งซ้ายน่าจะได้ไก่ชนที่ดีกว่านะ... มันก็ใช่... แต่ผมถามว่า คุณเลือกไก่ชนสาย A ไปผสมสาย B คุณเลือกไก่ชนแบบไหนล่ะ... ถ้าเลือกที่ใกล้เคียงกัน ฝีมืเชิงชนรูปร่างคล้ายๆกัน... ผลออกมาแตกต่างน้อยมาก... แต่พัฒนาระยะยาวได้ดีกว่าเห็นๆ...
ผมเขียนตามความเข้าใจของผม... ไม่ใช่เรื่อง Genetic หรือเรื่องในการผสมสีลองดูเอาแล้วกัน... ข้อสำคัญ... ผมไม่ใช่ตำรา ไม่ใช่นักวิชาการ ทุกอย่างเกิดจากการเรียนรู้จากประสบการณ์เช่นเดียวกับทุกๆคน... อ่านแล้วคิดตาม แก้ไขในสิ่งที่ผมผิด... ต่อยอดจากสิ่งที่คนรุ่นเก่าเขาทำไว้ให้... แล้วดวงดาวจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมครับ...

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ไก่ชนม้าล่อยอดนิยมของบรรดาเซียนๆทั้งหลาย

มาดูเรื่องราวไก่ชนม้าล่อกันบ้างครับทุกวันนี้ไก่ชนม้าล่อเป็นไก่เชิงชนยอดนิยมของบรรดาเซียนๆทั้งหลาย(และภาพรวมสุดยอดไก่ชนม้าล่อทั้งอดีตและปัจจุบัน) จากในอดีต สู่ปัจจุบันย้อนวันเวลากลับไปเมื่อ 20-25 ปี ที่ผ่านมามีไก่ชนอยู่สายพันธุ์หนึ่ง ที่มีชั้นเชิงมองดูทีไร แล้วขัดหูขัดตาไปหมด ไก่อะไรกันสาดกระดานวัดแข้งได้ไม่ทันไรที่จะเข้าเกี้ยว มันก็เริ่มที่วิ่งหนีคู่ต่อสู้เสียแล้ว มันก็คือต้องนำเอาไปต้มกินเพียงอย่างเดียว แต่นั่นก็คือไก่ม้าล่อในอดีต ส่วนในปัจจุบันและ ณ.เวลานี้นั้นไก่ สายพันธุ์ม้าล่อได้ถูกการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากบรีดเดอร์ไก่ชนในเมืองไทย เพื่อต่อกรกับ ไก่เชิง ไก่เหล่าป่าก๋อย หรือแม้กระทั่งไก่สายพันธุ์พม่าด้วยกันเองพัฒนาให้เป็นไก่ม้าล่อที่ตีไก่มากขึ้นจิตใจหนักแน่นมีเบอร์แข้งที่โหด หนักหน่วง ออกอาวุธที่ไวและชัดเจนกว่าเดิม ไม่ห่วงที่จะออกวิ่ง ออกล่อเหมือนแต่ก่อนเป็นที่ถูกใจของบรรดานักเล่น และนักเลงไก่ชนในสนาม เมื่อไก่ม้าล่อชิงจังหว ะตีเข้าเหลี่ยมหู เหลี่ยมตา แล้วพาคู่ต่อสู้ออกวิ่งเหมือนไก่ขาเป๋ เรามักจะได้ยินเสียงคำว่า ต่อ 2 ต่อ 3 แล้วไปออกขายในราคา 10 โน่น เป็นการเล่นไก่ที่ง่ายทั้งเซียนไก่มือเก่า และเซียนไก่มือใหม่ต่างก็มี เงินกลับบ้านพร้อมกับรอยยิ้ม บทบาทของไก่ชนม้าล่อ ไก่ชนม้าล่อที่ดีนั้นต้องเป็นไก่ที่มีสปีดขาดี วิ่งจริง หนีไกล ที่สำคัญต้องมีพื้นฐานของความแม่น ไก่ชนม้าล่อนั้นถ้าขาด ความแม่นแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ในการใช้งาน เป็นได้ก็แค่ไก่นวมตัวหนึ่งเท่านั้นเอง วิ่งแล้วต้องตบ ตบแล้วมอง มองแล้ววิ่ง ไม่ให้คู่ต่อสู้ได้เข้าประชิดตัว เก็บคู่ต่อสู้ได้ให้รีบเก็บ จุดนี้แหละถือว่าเป็นหัวใจสำคัญมากเหมือนกัน คู่ต่อสู้จะตายอยู่แล้ว ยังจะออกวิ่งล่ออีกใช้ไม่ได้ ม้าล่อที่ดีต้องตีแผลไหน ด้วยลีลาชั้นเชิงที่เฉียบขาด บวกกับการหนีเก่ง หนีไว แล้วลูกตีแบบไหนที่ตีแล้วโดนได้ใจมากกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นแผลหู , แผลตา(วงแดง) , แผลกระเดือกคอเชือด , แผลลำตัวซอกคอ ถือว่าทุกๆแผลที่กล่าวมานั้นเป็นแผลตาย แผลครูทั้งหมด ขอให้ตีจุดเดิมเข้าเป้าบ่อยๆก็ถือว่าใช้ได้ แผลตีของไก่ชนม้าล่อ 1. แผลหู แผลนี้ถือว่าเป็นแผลที่อันตรายที่สุดดั่งคำโบราณที่เขาว่า ตีหูเสียขา เดินไม่เป็นท่า เอียงไปเอียงมาเมื่อม้าล่อออกวิ่งทำเชิง มันจะเริ่มทิ้งระยะห่างเพื่อโฟกัสเป้า มันจะตบเข้าที่บ้องหู ไก่ที่โดนตีเข้าแผลหูไปบ่อยมันจะหักเสียศูนย์หนีไก่ได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นถ้าตีหูต้องตีหูอาชีพจริง ถึงจะเป็นไก่ม้าล่อที่อันตรายจริง 2. แผลตา (วงแดง) ไก่ม้าล่อที่รักที่จะตีแผลนี้ถือว่าเป็นแผลที่ปราบเซียนจริงๆ เพราะดวงตาเป็นจุดที่อ่อนที่สุด ไม่สามารถที่จะเสริมสร้าง ความแข็งแรงได้ เป็นอีกแผลหนึ่งที่สามารถเป็นตัวชี้วัดตัดสินเกมส์กันได้ภายในพริบตา ไก่ม้าล่อบางตัวที่แม่นตาบางครั้ง ลูกตีอาจจะตีปนเสียงปีกเหมือนไม่ค่อยแม่น หรือไก่ชนม้าล่อบางตัวอาจตีไม่ค่อยแรงเหมือนไม่มีแรงตี แต่ขอเตือนไว้เลย ว่าให้เราสังเกตุดูแผลตีที่เกิดเป็นหลัก พลั้งมือคัดทิ้งไก่ม้าล่อตัวเก่งออกไปแล้วจะมานั่งเสียใจภายหลังไม่ได้ 3. แผลกระเดือก (คอเชือด) ไก่ม้าล่อที่ตีแผลนี้ถือว่าเป็นแผลระดับปรมาจารย์และเป็นอีกแผลที่ดีที่สุดสำหรับไก่ ม้าล่อมากที่สุด ต่อให้คู่ต่อสู้มีมือน้ำที่ เก่งที่สุดในโลก หรือ มีมือน้ำเทวดา ก็ยากที่จะเยียวยาแผลที่เกี่ยวกับระบบหายใจนี้ได้ เมื่อโดนตีที่เดิมบ่อยๆมันลั่นขึ้น ทั้งบนทั้งล่างหู ตา บางคนคงเคยเห็นกันมาแล้วเป็นตัววิ่งตามไก่ม้าล่อ แต่ตัวเองหน้าตาดำหายใจไม่สะดวก มีโอกาส ที่จะตายได้สูงมาก 4. แผลลำตัว ซอกคอ ไก่ที่ตีแผลนี้ต้องเป็นไก่ที่มีการตี บวกกับเบอร์แข้งที่หนักหน่วง ถึงจะเอาคู่ต่ออยู่หมัด แผลซอกนี้ถือว่าเป็นแผลที่น่ากลัว และอันตรายมากแผลหนึ่งเหมือนกัน ตีซอกหลุดแล้วยั่วยุให้คู่ต่อสู่วิ่งตามเหมือนกับรถที่ช่วงล่างเสีย สามารถทำให้ คู่ต่อสู้ท้อวิ่งหนีไก่แบบหน้าใสๆได้ ใครที่เคยชอบไก่เหล่าป่าก๋อยที่ตีซอกรุนแรง ลองหันมาเล่นไก่พม่าม้าล่อที่พาก๋อย วิ่งแล้วกลับมาตีซอกก๋อยรุนแรง ก็เป็นอีกลีลาอีกสีสันหนึ่งได้เหมือนกัน เทคนิคการเพาะไก่ชนม้าล่อ กระแสม้าล่อนับว่ามาแรงไม่หยุด ในช่วง 2-3 ปีมานี้ม้าล่อกลายเป็นพม่าแถวหน้า ราคาส่วนมากก็แพง..ซึ่งในความเป็นจริงม้าล่อดี ๆ ก็หายาก ส่วนมากเป็นม้าล่อเทียม ๆ ม้าล่อเทียมคือ ล่อแล้วไม่มีลักษณะที่เป็นจุดเด่นของม้าล่อ พูดแบบชาวบ้านคือวิ่งเป็นเฉย ๆ แต่ไม่ฉลาดและไม่มีวิญญาณของม้าล่อที่แท้จริง ม้าล่อที่แท้จริงต้องวิ่งอย่างชาญฉลาดคือ 1. วิ่งไปชำเลืองมองคู่ต่อสู้ไป ไม่วิ่งหนีแบบหน้าตั้ง 2. วิ่งไปด้วยหาจังหวะออกแข้งไปด้วย ..คือวิ่งชำเลืองมองได้จังหวะออกแข้ง 3. ที่คลาสสิคคือวิ่งสั้น ๆ แล้วออกแข้งเลย คือผสมผสานระหว่างการวิ่งกับการโยกถอดถอย มีทั้งวิ่งทั้งโยกถอดถอยในกระบวนท่าเดียวกัน 4. แข้งเปล่าคือทีเด็ดสสามารถออกได้ทุกจังหวะ ม้าล่อที่ไม่มีแข้งเปล่าคือม้าล่อหางแถว.. ส่วนเทคนิคการเพาะม้าล่อคือ 1. ท่านต้องมีตัวเมียสายม้าล่อดี ๆ 1 ตัวเอาเลือดแท้ ๆ อย่าเอาลูกเลี้ยงสายเลือดข้างเคียงเด็ดขาด ควรเน้นแม่พันธุ์จากสายพม่าม้าล่อรำวงเท่านนั้น ย้ำนะครับว่าม้าล่อรำวงเท่านั้น สายอื่นไม่เอา 2. พ่อพันธุ์ที่ดีต้องเป็นม้าล่อสั้นรำวง หรือพม่าชิ่งเท่านั้น พม่าสายอื่น ๆ ถือว่าเป็นรอง หากพ่อไม่ล่อรอเอาจากแม่อย่างเดียวจะได้น้อยครับ..พ่อพันธุ์ถ้าเป็นม้าล่อ ยาวลูกๆออกมาจะดีน้อยกว่าลูกพม่าล่อสั้น หรือลูกพม่าซิ่งซ้ายขวา จากนั้นเมื่อได้มาแล้วก็ทำการเลี้ยงผสมพัฒนาตามธรรมชาติ โอกาสท่านจะได้ม้าล่อสายดี ๆ มีมากกว่า70% ครับ ข้อห้ามในการพัฒนาม้าล่อ การพัฒนาม้าล่อสั้น...เป็นกระแสทีแรงที่สุดในขณะนี้แต่ปรากฎว่าหลายท่านหลงทางไม่เข้าใจข้อจำกัดของการพัฒนาม้าล่อสั้น...จากประสบการณ์ของฟาร์มชี้ชัดเจนว่าม้าล่อสั้นเป็นเชิงไก่่ชนเฉพาะเชิงหนึ่งของไก่พม่า เหมือนกับพวกโยกถอด พวกโยกล่าง พวกขยับซิ่งซ้ายขวา ฯลฯ ลีลาม้าล่อสั้นก็เป็นหนึ่งในลีลาจากต้นตระกูล...ผลจาการศึกษาของเราได้ข้อสรุปหลายประมาณ วันนี้เลยจะขอพูดถึงข้อห้ามของพัฒนาม้าล่อสั้นมีดังนี้ 1. ห้ามพัฒนาม้าล่อสั้นกับไก่เชิงไทย เพราะไก่เชิงสองแบบนี้จะทำให้เชิงม้าล่อเปลี่ยนไปเป็นม้าล่อยาว หรือ เป็นไก่วิ่งลายหัว อันนี้เป็นข้อห้าข้อที่ 1 2. ห้ามผสมม้าล่อสั้นกับไก่ง่อน ลูกชุดแรก ๆ จะเป็นไก่ลายหัวหรือเป็นม้าล่อที่ไม่มีแข้งหน้า ส่วนมากจะปรากฎว่ามันตั้งหน้าตั้งตาวิ่งมากกว่าจะตั้งหน้าตั้งตาตีไก่ 3. ห้ามผสมม้าล่อสั้นกับไก่บราชิล จะให้ผลเช่นเดียวกับการผสมกับง่อน สิ่งที่ม้าล่อสั้นสามารถใช้ผสมได้สามารถออกเชิงชนมาเป็นม้าล่อได้ คือ 1. แม่พันธุ์ต้องเป็นสายม้าล่อแท้ หากเลือดไม่เข้ม ต้องใช้พ่อม้าล่อสั้นของแท้เลือดร้อยผสมเข้าไปจึงจะได้ลูกที่มีประสิทธิภาพ 2. หากแม่พันธุ์เป็นม้าล่อแท้เลือดร้อยสามารถใช้พ่อลีลาม้าล่อแบบต่าง ๆ ผสมได้ แต่ถ้าจะให้นิ่งมาก ๆ ก็ควรใช้ม้าล่อแท้ผสมครับโอกาสสำเร็จเกิน 80% ดังนั้นการแสวงหาแม่หรือพ่อม้าล่อแท้ ๆ ยังเป็นสิ่งที่นักพัฒนาต้องค้นหาต่อไป การสรรหาแม่พม่าชั้นเลิศถือเป็นความสำเร็จของการพัฒนาพม่าทั้งลูกร้อยและลูกพัฒนาเป็นอย่างยิ่ง...พม่าที่เพาะเลี้ยงทั่วไปมีจำนวนมากมายในขณะนี้คือพม่าที่ลักษณะพื้น ๆ ซึ่งเมื่อพัฒนาแล้วก็ไม่สามารถเดินไปถึงดวงดาวได้..ผลการพัฒนาที่ปรากฎก็คือ 1. รอยเล็กเกินไป 2. โครงสร้างบอบบางเกินไป 3. เลี้ยงแข็งยาก ส่วนมากบินล้ม ๆ อ่อน ๆ ไม่เหมาะเลี้ยงชนทางยาว 4. เปรียวมากใจไม่เต็มร้อย ขี้ตื่นตกใจ 5. ลีลาไม่โดดเด่นถอยไม่เก่ง โยกไม่เนียน วิ่งไม่สวย แผลไม่คม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มาจากสาเหตุประการหนึ่งคือเราคัดแม่พันธุ์ยังได้ไม่สุดยอด..นั่นเอง แม่พม่าสุดยอดเป็นอย่างไร มีข้อสังเกตง่าย ๆ คือ 1. มาจากเหล่ากอที่ให้ลูกเก่งเป็นสายเลือดแท้ ๆ ของเหล่ากอนั้น...การเข้าถึงเหล่ากอจำเป็นต้องลงทุน ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายโดยไม่มีการลงทุน ลงทุนเวลาที่ต้องเทียวไปเทียวมา ลงทุนเงินทองที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับสิ่งที่เราต้องการ 2. ให้ลูกมีโครงสร้างดี อย่างน้อยต้องกระดูกดี จับดูจะรู้ทันทีว่าแข็งแกร่ง 3. ให้ลูกจิตใจดีไม่เปรียวเกินงาม 4. ลีลาต้องมีมาตรฐานในสายเลือด คือเหล่านี้ลีลาใดก็จะสามารถถ่ายทอดลีลานั้นได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อมีการผสมกับสายเลือดที่ดีเหมาะสมเพียงพอ ดังนั้นในการคัดเลือกแม่พันธุ์สิ่งต้องห้ามคือ อย่าเลี้ยงไก่ไม่มีสกุลเพราะนั่นคือการลงทุนทางด้านเวลาที่ต้องสูญเปล่าเป็นเวลานาน...สมัยก่อนผมเห็นไก่ที่ไหนเขาว่าดีก็จับมาเลี้ยงผลคือได้ไก่ปานกลางเท่านั้นไม่เคยมีไก่เก่ง..ดังนั้นวิธีคิดต้องคิดใหม่...เคยสั่งพม่าแม่สะเรียงมาเลี้ยงจำนวนมากเมื่อโตขึ้นมันก็เป็นไก่พม่าธรรมดา มันไม่เป็นแม่สะเรียงดังคำล่ำลือ..ผลคือต้องต้มกินหมด.คำว่าแม่สะเรียงมันกว้างเกินไปบอกไม่ได้ว่าเหล่าไหน...ดังนั้นถ้าท่านต้องการแม่สะเรียงท่านก็ต้องระบุลงไปเลยว่าเหล่าอะไรเป็นของใครลูกตัวไหนแม่ไหน...ถ้าดูชัด ๆ แบบนี้พลาดยาก..แต่ถ้าเหมารวมแม่สะเรียงโอกาสพลาด 60 -70% พ่อมีความสำคัญไม่ยิ่งย่อนไปกว่าแม่ พ่อม้าล่อชั้นดีก็เช่นเดียวกันจำเป็นต้องแสวงหาจากเหล่ากอที่ดี ถ้าเราได้พ่อม้าล่อจากเหล่ากอที่ดีเราจะมีความมั่นใจว่าลูกที่ได้จะล่ออย่างฉลาด...ม้าล่อมีมากมายหลายเหล่ากอ ดังนั้นม้าล่อที่ฉลาดจะเป็นช่องทางที่ดีสำหรับการต่อยอด ข้อห้ามที่สำคัญที่เราหาพ่อม้าล่อมาทำพันธุ์ก็คือ 1. ห้ามนำม้าล่อลูกผสมมาทำพ่อ ยกเว้นต้องการทดสอบ ม้าล่อลูกผสมส่วนมากจะเป็นม้าล่อยาว ส่วนมากผสมกับง่อนหรือไทย แม้จะวิ่งสวยขนาดใหญ่ก็ไม่น่าสนใจและไม่เป็นมาตรฐานสำหรับการพัฒนาสายพันธุ์ ประสบการณ์ของเราพัฒนาม้าล่อพบว่าม้าล่อลูกผสมสามารถให้ลูกเป็นม้าล่อดี ๆ ได้ไม่ถึง 10% ซึ่งการทดลองนี้ใช้พ่อพันธุ์ไม่่ตำกว่า 10 ตัว 2. ห้ามใช้ม้าล่อยาวมาเป็นพ่อพันธุ์ พม่าร้อยม้าล่อยาว เมื่อนำมาพัฒนากับแม่ม้าล่อสายต่าง ๆ ปรากฎว่าร้อยละ 50% ชอบกระโดดสังเวียน และจังหวะการกลับมาทำคู่ต่อสู้ไม่ดี ขาด ๆ เกิน ๆ นี่ผลการทดสอบจากพ่อพม่าประมาณ 5 ตัว 3. ห้ามใช้ม้าล่อไม่มีแข้งเปล่ามาทำสายพันธุ์ เพราะเมื่อพัฒนาแล้ว จะขาดแข้งหน้าจังหวะหันกลับจะไม่มีแข้งหน้า ลักษณะพ่อม้าล่อสั้นที่ดีคือ 1.ไก่ซิ่งซ้ายขวาดีดจัด ๆ พวกนี้เอามาพัฒนาม้าล่อสั้นได้ดี จะได้ลูกใช้ได้กว่าร้อยละ 80% 2. ไก่ม้าล่อสั้นรำวง จะรำวงสวยไม่สวยเวลาเอามาพัฒนากับแม่ม้าล่อสั้นจะมีลูกออกมาใช้ได้ 70-80% ไก่ชนพม่านั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พันธ์,พ่อพันธ์ควรเลือกไก่ชนที่มีชั้นเชิงไปในทางเดียวกัน การฝึกไก่ชนม้าล่อ เทคนิคการฝึกพม่าม้าล่อ ไก่พม่าม้าล่อเป็นไก่ชนเชิงพิเศษ หรือบางที่ก็ เรียกว่าไก่ขยายตี คือแทนที่มันจะขยายธรรมดา แต่มันวิ่งขยายแทนการถอย การฉากหลบ หรือ การชิ่งออกข้างนั่นเอง ดังนั้นไก่ม้าล่อจึงต้องการ การฝึกที่แตกต่างจากการฝึกไก่ทั่วไปดังนี้คือ 1. พื้นที่ฝึกควรจะกว้างกว่าพอประมาณ อย่างตํา ต้องเป็นสังเวียนขนาด 12 เมตร เพื่อให้เขาได้วิ่ง อย่างถนัด ถ้าสังเวียนแคบ ไก่จะโดนตีได้ง่าย หรือวิ่งไม่ถนัดคู่ต่อสู้ตามได้ง่าย ซึ่งในการชนจริง ก็เหมือนกันเราจะต้องเลือกสังเวียนที่กว้างเท่า ไหร่ยิ่งดี 2.การปลํ้าซ้อมครั้งแรก ควรซ้อมกับไก่ที่วิ่งไม่ ค่อยเร็วนัก ออกแข้งช้าๆเพราะไก่ใหม่ยังไม่แข็ง แรง และเมื่อไก่เริ่มแข็งค่อยเพิ่มความเร็วของไก่ ตัวซ้อมให้มากขึ้น 3. การเดินนวมให้ใช้ไก่เดินนวมที่วิ่งตามดี ๆ จะ เป็นการฟิตซ้อมเอากําลังไดดีมาก 4. กรณีไก่ชอบกระโดดออกสังเวียนให้ใช้มุ้ง เขียวหรือตาข่ายกั้นขอบสังเวียนอีกชั้นหนึ่ง ไก่ จะได้เคยชินว่ามันจะวิ่งออกไม่ได้ มีทางเดียวคือ วิ่งรอบสังเวียนนั้นเอง 5. เมื่อไก่แกร่งขึ้นแล้วให้ใช้ไก่ตัววิ่งตามที่มีการ ออกแข้งไวขึ้น เพื่อให้ไก่เราพัฒนาขึ้นอีก ในการ วิ่งและพัฒนาจังหวะการกลับมาตีให้รวดเร็วขึ้น ในการฝึกสอนบางตัวใช้เวลานานกว่าจะเคยชิน บางตัวใช้เวลาน้อยก็พัฒนาตนเองได้ ส่วนตัวไหน ไม่พัฒนาก็ต้มครับ จุดสําคัญของมาล่อคือ แม่น คม วิ่งเร็ว ปอดดี แข็งแกร่ง หนีให้ไกล ถ้าทําได้ ส่วนมากแล้วชนะครับ

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เทคนิคการเลี้ยงไก่ชนพม่า

เทคนิคการเลี้ยงไก่ชนพม่า มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้าง เราจะได้นำมาปรับใช้ กับไก่พม่าของเรา ไก่ชนสายเลือดพม่านั้น เป็น ที่ยอมรับกันในทุกวันนี้ว่า ไก่ที่เลี้ยงออกชนกันตามสนามต่างๆ ทั่ว ประเทศ เป็นไก่ลูกผสมและมีสายเลือดไก่พม่าเกิน 50 %ด้วยกัน ส่วนจะมีเลือดพม่ามากแค่ไหนนั้น บ้างน้อยบ้างมากก็แล้วแต่สูตรของใครของมันว่ากันไป บางคนก็มีสายเลือดพม่าเกิน 50%ขึ้นไปซึ่งส่วนมากจะเก่ง บางคนต่ำกว่า 50 %ลงมา การเลี้ยงไก่พม่าบางตัวก็ดูไม่รู้ว่าเป็นไก่ไทยแท้หรือลูกผสมกันแน่ ไก่พม่าหรือไก่สายเลือดพม่าเดิมทีก็เล่นกันทางภาคเหนือของประเทศ ไทยซะเป็นส่วนใหญ่ เท่าที่ผมรู้เขาเลี้ยงกันไม่นาน ปล้ำ 2-3 ครั้งก็นำออกชนกันแล้ว ไม่ปล้ำมากอันเพราะจะทำให้ไก่ซ้ำ เหมือนการเลี้ยงไก่ทางภาคกลาง กว่าจะออกชนต้องปล้ำไม่น้อยกว่า 8-9 อันขึ้น การเลี้ยงไก่พม่าทางภาคเหนือเขาเลี้ยงกันไม่นานก็ออกชน กะให้แข็งในสังเวียน พอตีไปได้1-2 เที่ยว ไก่ก็เริ่มแข็งและตีราคาแพงได้ ดังนั้นการเลี้ยงไก่พม่าหนุ่มๆ จึงมีสถิติชนะหลายไฟท์ติดต่อกัน เท่า ที่สอบถามคนเลี้ยงไก่พม่าดู เขาบอกว่าถ้าเลี้ยงนานหรือปล้ำมากมันจะ กรอบ ยิ่งฟิตซ้อมหนักจะทำให้ เนื้อตัวของมันตึง ไม่ค่อยตีไก่ ซึ่งตอนแรกๆ ผมก็ไม่เชื่อ แต่จากการเลี้ยงไก่พม่ามาหลายตัว ปรากฏว่าไก่พม่า ตัวที่มีฝีตีนดีๆ พอฟิตจัดเข้ามันจะไม่ค่อยตีไก่ พอปล่อยให้เดินกรง เล่นฝุ่นเล่นดิน จับมาปล้ำใหม่ ปรากฏว่ากลับ ตีดีเหมือนเดิม ซึ่งผมได้ทดลองหลายครั้งหลายตัวก็มีผลคล้ายกัน
ดังนั้นเทคนิคการเลี้ยงไก่พม่า ควรทำดังนี้
1./ การออกกำลังกาย ควรให้ปฏิบัติดังนี้ - บินกล่อง - วิ่งสุ่ม - ปล่อยกรงกว้างๆ และมีคอนให้บิน แต่อย่าให้สูงมากนัก
2/. การลงนวม ต้องดูนิสัยไก่ บางตัวไม่ชอบและไม่ควรลงนวมบ่อย ให้เหมาะสมควร 7-10 วันต่อครั้ง
3./ การล่อ ต้องดูนิสัยไก่ หากไม่จำเป็นจริงๆ เช่นออกกำลังโดยวิธีอื่นไม่เอา จึงค่อยใช้วิธีล่อ เพราะไก่พม่า ไม่ชอบให้คู่ต่อสู้อยู่สูงกว่า
4./ การลงขมิ้น หากไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่ควรลง อาจจะลงครั้งแรกทั้งตัวสัก 1 ครั้ง ก็น่าจะพอ หลังจากนั้น หากยังอยากลงก็ควรทาเฉพาะใบหน้าและหน้าอกก็พอ นอกจากนี้มีข้อควรจำสำหรับการเลี้ยงไก่พม่า หรือไก่ที่มีสายเลือดพม่าตั้งแต่ 50 % ขึ้นไปคือ 1. อย่าปล้ำหรือลงนวมกับคู่ต่อสู้ที่เป็นไก่ถ่าย เพราะหากมันถูกตีเจ็บมันจะเข็ดและพาลดีดไก่ไปเลย 2. อย่าปล้ำหรือซ้อมคู่มากเกินไป 5-6 ยก ก็น่าจะพอ โดยครั้งแรกหาคู่ต่อสู้ใหม่ๆ เหมือนกัน ผิวพรรณดีกว่า อย่าหาญตี มิฉะนั้นอาจต้องมานั่งเสียใจ 3. ไก่พม่า ถ้าหัวปีกเริ่มโรย หรือขนปีกเคลื่อนขยายหรือเริ่มถ่าย หรือขนหมดมัน ไม่ควรนำออกตี เพราะมันจะอยู่ในช่วงเริ่มหลุดถ่าย ใจน้อย และหนีง่าย
4./ ไก่พม่า เวลาซ้อมหากเจอคู่ต่อสู้ตีตัว ตีเข้าหน้าอุดสามเหลี่ยมและหนอกคอ ควรรีบจับยอม มิฉะนั้นคราวต่อไปมันจะเข็ดและดีดไก่ เพราะแผลฝาก
5./ การเล่นไก่พม่า ควรเล่นในช่วงที่มันกำลังสดและมีอายุชนขวบแล้วดีที่สุด เพราะจิตใจมันจะ มั่นคงกว่าตอนที่เป็นหนุ่ม 8-9 เดือน
ไก่พม่าหลักๆก็มีเท่านี้แหละครับ

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

วิธีรักษาไก่หน้าซีด

 สาเหตุหลักของโรคนี้เกิดจาก ไก่อาจจะติดเชื้อมาลาเรียจากโดนยุงกัด ติดเชื้อในกระแสเลือด, ใช้ยาถ่ายพยาธิเกินขนาด, ไก่บอบช้ำจากการชน และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี เกิดอาการโพก, มีสารเคมีตกค้างภายใน จากการใช้ยาโด๊ปยาเลี้ยงชนเป็นเวลานาน, อีกสาเหตุนึง ไก่ขาดสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดแดง เช่น ขาดธาตุเหล็ก, โฟเลต, วิตามินบี 12, ทั้งหมดล้วนแต่เป็นสาเหตุ ทำให้อวัยวะภายใน ม้าม ตับ ไต ทำงานผิดปรกติ การสร้างเม็ดเลือดแดงน้อยลง เกิดเป็นภาวะเลือดจาง ไก่จะมีอาการหน้าซีด เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องอืด กระเพาะไม่ย่อย สมาธิสั้นหวาดกลัว เหนื่อยง่ายอย่างเห็นได้ชัด หากไม่รีบรักษาก็จะเสียชีวิตในที่สุด การรักษาไก่หน้าซีดเบื้องต้น มีดังนี้. #อุปกรณ์การรักษา , ไบโอแคททาลิน 20 ซีซี 70บาท ,ไซริงค์+เข็มเบอร์21 , น้ำตาลปี๊บ #วิธีรักษา หยุดให้ยาทุกชนิดก่อนทำการรักษา 2วัน เพื่อป้องกันไก่ดื้อยา ( ควรฉีดยาในตอนเช้าตรู่ ก่อนให้ไก่กินอาหาร ) นำไซริงค์ดูด ยาไบโอแคททาลิน 1ซีซี ฉีดบริเวณหน้าอกไก่ลึก 1เซนติเมตร ถ้ากะความลึกไม่ถูก ให้ตัดปลอกเข็มเป็นฐาน ให้ส่วนปลายเข็มโผล่ออกไป1เซนติเมตร เวลาฉีดหน้าอกไก่จะมีความลึกพอดี ( สำหรับมือใหม่ ) หลังฉีดยาแล้วพยายามให้ไก่กินน้ำสะอาด อาหารอ่อนๆย่อยง่าย เช่นอาหารลูกสุนัขแช่น้ำให้อืด ซึ่งมีโปรตีนสูง ก่อนนอนเอาน้ำตาลปี๊บ ขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยให้ไก่กิน1ก้อน - ยาไบโอแคททาลิน ให้ฉีด 3ครั้ง สลับวันเว้นวัน รอดูอาการ - น้ำตาลปี๊บ ให้ไก่กินทุกวันก่อนนอน 7วัน ขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย - ไม่เกิน7วัน อาการหน้าซีดจะค่อยๆดีขึ้นและหายในที่สุด #ไบโอแคททาลิน สรรพคุณ ใช้รักษาสัตว์ที่กำลังพักฟื้นจากการป่วย อาการขาดโปรตีน และวิตามินบี ภาวะร่างกายกำลังอ่อนแอ เช่น เป็นโรคโลหิตจาง อุจจาระร่วง อาเจียนบ่อยๆ อากาศเป็นพิษ โรคระบบเดินหายใจ และทางเดินอาหารต่างๆ ภาวะที่เกิดความเครียด โรคขาดอาหาร ทำให้สัตว์แคระแกรน ไม่เจริญเติบโต และอาการเบื่ออาหาร เป็นต้น. #น้ำตาลปี๊บ สรรพคุณ มีกลูโคส เป็นแหล่งอาหารที่จำเป็นของเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะภายในร่างกาย ช่วยทำให้การไหลเวียนของโลหิตทำงานดีขึ้น และในขณะที่น้ำตาลในเลือดลดน้อยลง กลูโคสยังเป็นสารที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ และหัวใจได้เป็นอย่างดี

สูตรเลี้ยงไก่ออกชน สำหรับมือใหม่

สูตรเลี้ยงไก่ชน(สูตร14วันอันตราย)
                                                                                                                                                                                                                                                                                                    เริ่มจากเมื่อไก่ตัวที่จะเลี้ยงชนปล้ำได้ที่แล้ว (สูตรนี้ชนได้ 4-6 อัน) หรือว่าจะใช้เลี้ยงไก่หนุ่มเพื่อจะนำไปปล้ำสัก 2 อัน ใช้สูตรนี้ได้ครับ และทุกๆเช้าให้ป้อนกล้วยน้ำว้าสุข 1/3 ลูก ต่อไก่ 1 ตัวครับ
วันที่ 1 เวลา 0500 น. นำไก่ออกวิ่งสุ่มสักประมาณ 1 ชม. แล้วลูบน้ำที่ตัว ยอนคอเอาเสลดออก แล้วนำมากระโดดหลุมให้ได้อย่างน้อย 30 ครั้ง เสร็จลูบน้ำยอนคอ พักสัก 10 นาที แล้วนำมาโยนเบาะ 50 ครั้ง เสร็จลูบน้ำพันคอแล้วนำไก่ไป ปล่อยเดินในล๊อคกว้าง ประมาณ 08.00 น. นำไก่มากราดน้ำป้อนสมุนไพรสด ยาปลาช่อน และยาบำรุงกำลังอื่นๆ (สูตรผมจะเช็ดน้ำเย็นลูบกระเบื้องอุ่นๆผ่านหน้า คอ หน้าอกและหน้าขา จะไม่ติดขมิ้นและปูน) เสร็จนำไปปล่อยในลู่วิ่งตากแดด พอไก่หอบได้ที่แล้ว (อย่าให้หอบมาก) นำไก่มายอนคอเอาเสลดออกและลูบน้ำบริเวณหน้า คอ อก ใต้ปีกและหน้าขา เพื่อจะลดความร้อนลง แล้วนำไก่เข้าปล่อยในล๊อคกว้าง อย่าเพิ่งให้น้ำไก่กิน พอหายหอบให้ไก่กินข้าวจับเวลา 15 นาที กินหมดหรือไม่หมดให้นำข้าวออก แล้วค่อยเอาน้ำสะอาดให้กินแล้วพักไก่ถึงเวลาประมาณ 1300 น. ช่วงนี้อากาศค่อนข้างร้อน ให้นำไก่มาลูบน้ำยอนคอแล้วนวดไก่ เริ่มจากนวดบริเวณหู ไล่ลงมาคอ ไล่ลงมาใต้ปีก หน้าอก และปั้นขา จะช่วยให้ไก่ผ่อนคลายและคุ้นเคยกับเจ้าของมากยิ่งขึ้น นวดประมาณ 15 นาที ต่อจากนั้นออกกำลังกายต่อ เริ่มจากโดดหลุม
30 ครั้ง ยอนคอกินน้ำ พัก 10 นาที แล้วนำมาโยนเบาะอีก 50 ครั้ง เสร็จยอนคอพัก 10 นาที แล้วนำไปวิ่งสุ่มหรือวิ่งลู่
ต่อจากนั้นเวลา 15.00 น. นำไก่ไปกราดน้ำเย็นปกติไม่ต้องลูบกระเบื้อง และป้อนบอระเพ็ดแช่น้ำผึ้งและกระชายแช่น้ำผึ้ง้ง อย่างละ 2 ชิ้น(บอระเพ็ดและกระชายแช่น้ำผึ้งใส่ตู้เย็นไว้) แล้วนำไปตากแดด ปล่อยในล๊อคกว้างๆเพื่อให้ไก่สบายตัว
เวลา 17.00 น. ให้ข้าวไก่กินอีก จับเวลาเหมือนเดิม 15 นาที แล้วพอถึงเวลา 18.00 น. นำไก่เข้าสุ่ม เปิดไฟให้ไก่ได้ชินกับแสงไฟเผื่อเวลาชนกลางคืนไก่จะชินกับแสงไฟ ก่อนนอนป้อนไข่ต้ม 2 ซีก (ไข่ต้ม 1 ลูก ผ่า 4 ซีก) และป้อนน้ำผึ้งสัก 1 ช้อนโต๊ะ แล้วให้น้ำสะอาดตามนิดหน่อย ป้อนซุปเปอร์ไฟท์ 2 เม็ดก่อนนอนทุกวัน( หาซื้อได้ตามร้านขายยาไก่ ) จึงคลุมมุ้งนอน
วันที่ 2 ให้ออกกำลังกายเหมือนวันที่ 1 แต่เพิ่มกระโดดหลุมเป็น 50 ครั้งและโยนเบาะเป็น 80 ครั้ง
วันที่ 3 (วันเตะนวม)
เวลา 05.00 น. นำไก่ออกวิ่งสุ่มปกติสัก 1 ชม. เสร็จพัก 10 นาที แล้วจะเริ่มทำการเตะนวมไก่โดยใช้ไก่ล่อที่ไม่มีแข้งเปล่าและถ้าเป็นไก่เชิงจะยิ่งดี ขั้นตอนการนวม เช็ดน้ำไก่เลี้ยงและไก่ล่อให้ทั่วและใช้นวมพันขาของไก่เลี้ยงและไก่ล่อ ถ้าไก่เลี้ยงเดือยยาวควรล็อกเดือยก่อนพันนวม (ป้องกันเดือยโค่น) และใช้เทปพันก้อยทั้งสองข้าง ทั้งไก่เลี้ยงและไก่ล่อ ส่วนไก่ล่อให้เพิ่มพันเทปทุกๆนิ้ว (พันถึงปลายเล็บเหมือนพันก้อย) เพื่อป้องกันการขีดข่วนไก่เลี้ยง และใช้ตะกร้อสวมปากไก่ล่อไม่ให้จิกได้ ส่วนไก่เลี้ยงให้ใช้เทปพันปากบนพอครับเพื่อจะได้ใช้ปากหยิบได้ เป็นการออกกำลังกายทุกส่วน ให้เตะนวม 2 ยก ยกละ 15 นาที เสร็จแล้วนำไปกราดน้ำลูบกระเบื้อง กินยาบำรุงและไปตากแดดเหมือนวันที่ 1 พอเข้าช่วงบ่าย
ไม่ต้องออกกำลังกายปล่อยให้ไก่เดินในล๊อคกว้างๆ พอถึงเวลา 15.30 น. นำมาไก่เลี้ยงมากราดน้ำเย็นปกติเหมือนวันที่ 1 เลี้ยงจนถึงเวลานอนเหมือนกับวันที่ 1
วันที่ 4 ช่วงเช้างดออกกำลังกายไก่ นำไก่ไปปล่อยในล๊อคกว้างเพื่อให้ไก่เดินขยายตัวพอถึงเวลากราดน้ำให้ทำเหมือนนวันที่ 1 จนถึงช่วงบ่ายให้ออกกำลังกายเหมือนวันที่ 1 และทำเหมือนวันที่ 1 จนถึงเวลานอน
วันที่ 5 ให้ทำทุกอย่างเหมือนวันที่ 1 กระโดดหลุม 50 ครั้ง แต่เพิ่มการโยนเบาะเป็น 100 ครั้ง และเลี้ยงทุกอย่างเหมือนวันที่ 1และเลี้ยงจนถึงเวลานอน
วันที่ 6 (วันเตะนวม) ให้ทำเหมือนวันที่ 3 ทุกอย่าง แต่เพิ่มการเตะนวม 2 ยก เป็นยกละ 20 นาที และเลี้ยงทุกอย่างเหมือนวันที่ 3 จนถึงเวลานอน
วันที่ 7 ให้ทำเหมือนวันที่ 4 ทุกอย่าง ช่วงบ่าย ก่อนออกกำลังกายให้นวดไก่ด้วยทุกครั้งเหมือนวันที่ 1 และออกกำลังกายเป็น โดดหลุม 50 ครั้งและโยนเบาะ 100 ครั้ง และเลี้ยงจนถึงเวลานอน
วันที่ 8 (วันล่อไล่) ให้ล่อในบริเวณพื้นที่กว้าง พื้นไม่แข็ง ถ้าเป็นสนามหญ้าได้ยิ่งดี ไม่มีกรวดหิน เริ่มตั้งแต่ 0600 น. นำไก่ล่อพันนวมที่ขา สวมตะกร้อปากใส่ในกระเป๋าล่อ ส่วนไก่เลี้ยงเช็ดน้ำเหมือนกราดแดดให้ทั่วและพันนวมที่ขาเหมือนเตะนวมและพันเทปที่ปากบนและพันก้อยด้วย เริ่มจากล่อยั่วไก่เลี้ยงให้โมโห มันก็จะวิ่งตาม เริ่มจากวิ่งทางตรงไปซ้ายประมาณ 50 เมตร ไปขวาประมาณ 50 เมตร ไปกลับแบบนี้ประมาณ 10 รอบ ต่อจากนั้นล่อให้วิ่งวนตัว ให้คนเลี้ยงยืนเป็นเสาธงกลางแล้วเริ่มวนไก่ล่อไปทางขวาอ้อมไปหลังตัวเปลี่ยนมือซ้ายจับแล้วมาข้างหน้าเปลี่ยนมือขวาจับ ให้วนอย่างนี้ไป 50 รอบ และทำวนซ้ายกลับไปอีก 50 รอบ ให้ล่อได้สักประมาณ 1 ชม. หรือดูว่าไก่เลี้ยงหอบหรือไม่ อย่าให้หอบมากเดี๋ยวกล้ามเนื้อจะฉีก เสร็จพักประมาณ 30 นาที แล้วนำไปเช็ดน้ำกราดแดดตามปกติ ช่วงบ่ายให้ทำเหมือนนวันที่ 5 จนถึงเวลานอน
วันที่ 9 (เตะนวม) ให้ทำการเตะนวมเหมือนวันที่ 3 แต่เพิ่มเวลาเตะนวมเป็นยกละ 30 นาที 2 ยก และเลี้ยงจนถึงเวลานอน
วันที่ 10 ให้ทำเหมือนวันที่ 4 ทุกอย่าง พอเข้าช่วงบ่ายให้ออกกำลังกายเหมือนวันที่ 7 และเลี้ยงจนถึงเวลานอน
วันที่ 11 (ล่อไล่) ให้ทำการล่อไกล่เหมือนวันที่ 8 แต่อาจจะเพิ่มเวลาล่อให้ได้มากขึ้นดูว่ากำลังไก่เลี้ยงเริ่มเข้าที่หรือยัง ถ้าหอบน้อยและบินดีให้ล่อไปอีกเกินเวลาสัก 30 นาที อย่าให้หอบมาก พอเข้าช่วงบ่ายงดออกกำลังกายทุกชนิด ปล่อยให้เดินในที่กว้าง และเช็ดน้ำเย็นปกติ ช่วงเวลา 15.30 น. อย่าลืมให้บอระเพ็ดและกระชายแช่น้ำผึ้งอย่างละ 2 ชิ้น ทุกๆช่วงบ่ายก่อนเช็ดน้ำของทุกวัน เลี้ยงจนถึงเวลานอน
วันที่ 12 งดออกกำลังกายทุกชนิด เวลา 0500 น. นำไก่มาปล่อยในล๊อคกว้างๆเพื่อไก่จะได่เดินสยายตัวและสดชื่น เวลา 0800 น. ให้เช็ดน้ำไก่ด้วยแชมพู เทใส่ขันน้ำและใส่น้ำเข้าไปเกือบเต็มขัน ตีให้เข้ากันเหมือนล้างรถ ป้อนสมุนไพรยารบำรุงกำลังก่อนแล้วนำผ้าชุบน้ำแชมพูมาเช็ดตัวไก่ให้ทั่ว ไล่ตั้งแต่ขนคอ เช็ดให้ทั่วทุกเส้นขน ทั้งปีก ใต้ปีก ขนหน้าอก ตัว สะโพก หาง ขา และเกล็ด เสร็จแล้วนำไปราดน้ำล้างแชมพูออกให้หมดเหมือนอาบน้ำเด็กอย่าให้น้ำและแชมพูเข้าหน้าไก่ พยายามราดแชมพูออกให้หมดไม่งั้นถ้านำไปตากแดดแล้วไก่จะจะไซร้ขนกินแชมพูเข้าไปเป็นผลเสียต่อไก่แล้วนำไปกราดแดด อย่าให้หอบมาก เสร็จก็เก็บไก่เข้าที่เลี้ยงเหมือนทุกวัน แล้วนำไปปล่อยในล๊อคกว้าง ให้ไก่เดินสยายตัว เวลา 15.30 น. ให้นำไก่มาลูบน้ำปกติ ป้อนบอระเพ็ดและกระชายแช่น้ำผึ้งอย่างละ 2 ชิ้นเหมือนเดิม และเลี้ยงจนถึงเวลานอน
วันที่ 13 ทำทุกอย่างเหมือนวันที่ 12 พอกราดน้ำช่วงเช้าเสร็จแล้วนำไก่เข้าสุ่มกินข้าวกินน้ำแล้วคลุมมุ้ง พอเวลา 15.30 น. จึงนำมาลูบน้ำเย็น แล้วปล่อยเดินในล๊อคกว้างๆและเลี้ยงจนถึงเวลานอน
วันที่ 14 (วันชน) เวลา 0600 น. นำไก่ปล่อยออกเดินล๊อคกว้างๆ แล้วนำไก่ตัวเมียที่กำลังไข่ นำไปใส่สุ่มแล้วไปครอบไว้ในล๊อคที่ไก่เลี้ยงอยู่
พอไก่เลี้ยงเห็นตัวเมียก็จะเกิดอาการคึกวิ่งวน ฟูขนไปรอบสุ่ม เพื่อกระตุ้นให้หลั่งฮอร์โมนและเพิ่มความคึก
เป็นอันเสร็จสูตรการเลี้ยง 14 วันอันตราย ให้ลูบน้ำไก่ผ่านๆพอครับ ยอนคอ ลูบหน้า คอ ตัวหน้าอก และหน้าขา แล้วให้ไก่กินข้าวเปลือกตำสัก 1 กำมือ ก่อนออกจากบ้านให้หงายสุ่มที่ครอบมันไว้เมื่อคืนด้วยครับ เพื่อจะได้รับเงินรับบทองกลับมา

ทำยังไงซื้อขายไก่ไม่ให้โดนโกง

# ทำยังไงซื้อขายไก่ไม่ให้โดนโกง # ซื้อไก่ให้ถูกใจ ...! ทุกวันนี้ไก่ชนในสื่อสังคมออนไลน์มีให้เลือกซื้อเลือกชมเยอะแยะเต็มไปหมด อยู่ที่ว่าเร...