วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ไก่ชนม้าล่อยอดนิยมของบรรดาเซียนๆทั้งหลาย

มาดูเรื่องราวไก่ชนม้าล่อกันบ้างครับทุกวันนี้ไก่ชนม้าล่อเป็นไก่เชิงชนยอดนิยมของบรรดาเซียนๆทั้งหลาย(และภาพรวมสุดยอดไก่ชนม้าล่อทั้งอดีตและปัจจุบัน) จากในอดีต สู่ปัจจุบันย้อนวันเวลากลับไปเมื่อ 20-25 ปี ที่ผ่านมามีไก่ชนอยู่สายพันธุ์หนึ่ง ที่มีชั้นเชิงมองดูทีไร แล้วขัดหูขัดตาไปหมด ไก่อะไรกันสาดกระดานวัดแข้งได้ไม่ทันไรที่จะเข้าเกี้ยว มันก็เริ่มที่วิ่งหนีคู่ต่อสู้เสียแล้ว มันก็คือต้องนำเอาไปต้มกินเพียงอย่างเดียว แต่นั่นก็คือไก่ม้าล่อในอดีต ส่วนในปัจจุบันและ ณ.เวลานี้นั้นไก่ สายพันธุ์ม้าล่อได้ถูกการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากบรีดเดอร์ไก่ชนในเมืองไทย เพื่อต่อกรกับ ไก่เชิง ไก่เหล่าป่าก๋อย หรือแม้กระทั่งไก่สายพันธุ์พม่าด้วยกันเองพัฒนาให้เป็นไก่ม้าล่อที่ตีไก่มากขึ้นจิตใจหนักแน่นมีเบอร์แข้งที่โหด หนักหน่วง ออกอาวุธที่ไวและชัดเจนกว่าเดิม ไม่ห่วงที่จะออกวิ่ง ออกล่อเหมือนแต่ก่อนเป็นที่ถูกใจของบรรดานักเล่น และนักเลงไก่ชนในสนาม เมื่อไก่ม้าล่อชิงจังหว ะตีเข้าเหลี่ยมหู เหลี่ยมตา แล้วพาคู่ต่อสู้ออกวิ่งเหมือนไก่ขาเป๋ เรามักจะได้ยินเสียงคำว่า ต่อ 2 ต่อ 3 แล้วไปออกขายในราคา 10 โน่น เป็นการเล่นไก่ที่ง่ายทั้งเซียนไก่มือเก่า และเซียนไก่มือใหม่ต่างก็มี เงินกลับบ้านพร้อมกับรอยยิ้ม บทบาทของไก่ชนม้าล่อ ไก่ชนม้าล่อที่ดีนั้นต้องเป็นไก่ที่มีสปีดขาดี วิ่งจริง หนีไกล ที่สำคัญต้องมีพื้นฐานของความแม่น ไก่ชนม้าล่อนั้นถ้าขาด ความแม่นแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ในการใช้งาน เป็นได้ก็แค่ไก่นวมตัวหนึ่งเท่านั้นเอง วิ่งแล้วต้องตบ ตบแล้วมอง มองแล้ววิ่ง ไม่ให้คู่ต่อสู้ได้เข้าประชิดตัว เก็บคู่ต่อสู้ได้ให้รีบเก็บ จุดนี้แหละถือว่าเป็นหัวใจสำคัญมากเหมือนกัน คู่ต่อสู้จะตายอยู่แล้ว ยังจะออกวิ่งล่ออีกใช้ไม่ได้ ม้าล่อที่ดีต้องตีแผลไหน ด้วยลีลาชั้นเชิงที่เฉียบขาด บวกกับการหนีเก่ง หนีไว แล้วลูกตีแบบไหนที่ตีแล้วโดนได้ใจมากกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นแผลหู , แผลตา(วงแดง) , แผลกระเดือกคอเชือด , แผลลำตัวซอกคอ ถือว่าทุกๆแผลที่กล่าวมานั้นเป็นแผลตาย แผลครูทั้งหมด ขอให้ตีจุดเดิมเข้าเป้าบ่อยๆก็ถือว่าใช้ได้ แผลตีของไก่ชนม้าล่อ 1. แผลหู แผลนี้ถือว่าเป็นแผลที่อันตรายที่สุดดั่งคำโบราณที่เขาว่า ตีหูเสียขา เดินไม่เป็นท่า เอียงไปเอียงมาเมื่อม้าล่อออกวิ่งทำเชิง มันจะเริ่มทิ้งระยะห่างเพื่อโฟกัสเป้า มันจะตบเข้าที่บ้องหู ไก่ที่โดนตีเข้าแผลหูไปบ่อยมันจะหักเสียศูนย์หนีไก่ได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นถ้าตีหูต้องตีหูอาชีพจริง ถึงจะเป็นไก่ม้าล่อที่อันตรายจริง 2. แผลตา (วงแดง) ไก่ม้าล่อที่รักที่จะตีแผลนี้ถือว่าเป็นแผลที่ปราบเซียนจริงๆ เพราะดวงตาเป็นจุดที่อ่อนที่สุด ไม่สามารถที่จะเสริมสร้าง ความแข็งแรงได้ เป็นอีกแผลหนึ่งที่สามารถเป็นตัวชี้วัดตัดสินเกมส์กันได้ภายในพริบตา ไก่ม้าล่อบางตัวที่แม่นตาบางครั้ง ลูกตีอาจจะตีปนเสียงปีกเหมือนไม่ค่อยแม่น หรือไก่ชนม้าล่อบางตัวอาจตีไม่ค่อยแรงเหมือนไม่มีแรงตี แต่ขอเตือนไว้เลย ว่าให้เราสังเกตุดูแผลตีที่เกิดเป็นหลัก พลั้งมือคัดทิ้งไก่ม้าล่อตัวเก่งออกไปแล้วจะมานั่งเสียใจภายหลังไม่ได้ 3. แผลกระเดือก (คอเชือด) ไก่ม้าล่อที่ตีแผลนี้ถือว่าเป็นแผลระดับปรมาจารย์และเป็นอีกแผลที่ดีที่สุดสำหรับไก่ ม้าล่อมากที่สุด ต่อให้คู่ต่อสู้มีมือน้ำที่ เก่งที่สุดในโลก หรือ มีมือน้ำเทวดา ก็ยากที่จะเยียวยาแผลที่เกี่ยวกับระบบหายใจนี้ได้ เมื่อโดนตีที่เดิมบ่อยๆมันลั่นขึ้น ทั้งบนทั้งล่างหู ตา บางคนคงเคยเห็นกันมาแล้วเป็นตัววิ่งตามไก่ม้าล่อ แต่ตัวเองหน้าตาดำหายใจไม่สะดวก มีโอกาส ที่จะตายได้สูงมาก 4. แผลลำตัว ซอกคอ ไก่ที่ตีแผลนี้ต้องเป็นไก่ที่มีการตี บวกกับเบอร์แข้งที่หนักหน่วง ถึงจะเอาคู่ต่ออยู่หมัด แผลซอกนี้ถือว่าเป็นแผลที่น่ากลัว และอันตรายมากแผลหนึ่งเหมือนกัน ตีซอกหลุดแล้วยั่วยุให้คู่ต่อสู่วิ่งตามเหมือนกับรถที่ช่วงล่างเสีย สามารถทำให้ คู่ต่อสู้ท้อวิ่งหนีไก่แบบหน้าใสๆได้ ใครที่เคยชอบไก่เหล่าป่าก๋อยที่ตีซอกรุนแรง ลองหันมาเล่นไก่พม่าม้าล่อที่พาก๋อย วิ่งแล้วกลับมาตีซอกก๋อยรุนแรง ก็เป็นอีกลีลาอีกสีสันหนึ่งได้เหมือนกัน เทคนิคการเพาะไก่ชนม้าล่อ กระแสม้าล่อนับว่ามาแรงไม่หยุด ในช่วง 2-3 ปีมานี้ม้าล่อกลายเป็นพม่าแถวหน้า ราคาส่วนมากก็แพง..ซึ่งในความเป็นจริงม้าล่อดี ๆ ก็หายาก ส่วนมากเป็นม้าล่อเทียม ๆ ม้าล่อเทียมคือ ล่อแล้วไม่มีลักษณะที่เป็นจุดเด่นของม้าล่อ พูดแบบชาวบ้านคือวิ่งเป็นเฉย ๆ แต่ไม่ฉลาดและไม่มีวิญญาณของม้าล่อที่แท้จริง ม้าล่อที่แท้จริงต้องวิ่งอย่างชาญฉลาดคือ 1. วิ่งไปชำเลืองมองคู่ต่อสู้ไป ไม่วิ่งหนีแบบหน้าตั้ง 2. วิ่งไปด้วยหาจังหวะออกแข้งไปด้วย ..คือวิ่งชำเลืองมองได้จังหวะออกแข้ง 3. ที่คลาสสิคคือวิ่งสั้น ๆ แล้วออกแข้งเลย คือผสมผสานระหว่างการวิ่งกับการโยกถอดถอย มีทั้งวิ่งทั้งโยกถอดถอยในกระบวนท่าเดียวกัน 4. แข้งเปล่าคือทีเด็ดสสามารถออกได้ทุกจังหวะ ม้าล่อที่ไม่มีแข้งเปล่าคือม้าล่อหางแถว.. ส่วนเทคนิคการเพาะม้าล่อคือ 1. ท่านต้องมีตัวเมียสายม้าล่อดี ๆ 1 ตัวเอาเลือดแท้ ๆ อย่าเอาลูกเลี้ยงสายเลือดข้างเคียงเด็ดขาด ควรเน้นแม่พันธุ์จากสายพม่าม้าล่อรำวงเท่านนั้น ย้ำนะครับว่าม้าล่อรำวงเท่านั้น สายอื่นไม่เอา 2. พ่อพันธุ์ที่ดีต้องเป็นม้าล่อสั้นรำวง หรือพม่าชิ่งเท่านั้น พม่าสายอื่น ๆ ถือว่าเป็นรอง หากพ่อไม่ล่อรอเอาจากแม่อย่างเดียวจะได้น้อยครับ..พ่อพันธุ์ถ้าเป็นม้าล่อ ยาวลูกๆออกมาจะดีน้อยกว่าลูกพม่าล่อสั้น หรือลูกพม่าซิ่งซ้ายขวา จากนั้นเมื่อได้มาแล้วก็ทำการเลี้ยงผสมพัฒนาตามธรรมชาติ โอกาสท่านจะได้ม้าล่อสายดี ๆ มีมากกว่า70% ครับ ข้อห้ามในการพัฒนาม้าล่อ การพัฒนาม้าล่อสั้น...เป็นกระแสทีแรงที่สุดในขณะนี้แต่ปรากฎว่าหลายท่านหลงทางไม่เข้าใจข้อจำกัดของการพัฒนาม้าล่อสั้น...จากประสบการณ์ของฟาร์มชี้ชัดเจนว่าม้าล่อสั้นเป็นเชิงไก่่ชนเฉพาะเชิงหนึ่งของไก่พม่า เหมือนกับพวกโยกถอด พวกโยกล่าง พวกขยับซิ่งซ้ายขวา ฯลฯ ลีลาม้าล่อสั้นก็เป็นหนึ่งในลีลาจากต้นตระกูล...ผลจาการศึกษาของเราได้ข้อสรุปหลายประมาณ วันนี้เลยจะขอพูดถึงข้อห้ามของพัฒนาม้าล่อสั้นมีดังนี้ 1. ห้ามพัฒนาม้าล่อสั้นกับไก่เชิงไทย เพราะไก่เชิงสองแบบนี้จะทำให้เชิงม้าล่อเปลี่ยนไปเป็นม้าล่อยาว หรือ เป็นไก่วิ่งลายหัว อันนี้เป็นข้อห้าข้อที่ 1 2. ห้ามผสมม้าล่อสั้นกับไก่ง่อน ลูกชุดแรก ๆ จะเป็นไก่ลายหัวหรือเป็นม้าล่อที่ไม่มีแข้งหน้า ส่วนมากจะปรากฎว่ามันตั้งหน้าตั้งตาวิ่งมากกว่าจะตั้งหน้าตั้งตาตีไก่ 3. ห้ามผสมม้าล่อสั้นกับไก่บราชิล จะให้ผลเช่นเดียวกับการผสมกับง่อน สิ่งที่ม้าล่อสั้นสามารถใช้ผสมได้สามารถออกเชิงชนมาเป็นม้าล่อได้ คือ 1. แม่พันธุ์ต้องเป็นสายม้าล่อแท้ หากเลือดไม่เข้ม ต้องใช้พ่อม้าล่อสั้นของแท้เลือดร้อยผสมเข้าไปจึงจะได้ลูกที่มีประสิทธิภาพ 2. หากแม่พันธุ์เป็นม้าล่อแท้เลือดร้อยสามารถใช้พ่อลีลาม้าล่อแบบต่าง ๆ ผสมได้ แต่ถ้าจะให้นิ่งมาก ๆ ก็ควรใช้ม้าล่อแท้ผสมครับโอกาสสำเร็จเกิน 80% ดังนั้นการแสวงหาแม่หรือพ่อม้าล่อแท้ ๆ ยังเป็นสิ่งที่นักพัฒนาต้องค้นหาต่อไป การสรรหาแม่พม่าชั้นเลิศถือเป็นความสำเร็จของการพัฒนาพม่าทั้งลูกร้อยและลูกพัฒนาเป็นอย่างยิ่ง...พม่าที่เพาะเลี้ยงทั่วไปมีจำนวนมากมายในขณะนี้คือพม่าที่ลักษณะพื้น ๆ ซึ่งเมื่อพัฒนาแล้วก็ไม่สามารถเดินไปถึงดวงดาวได้..ผลการพัฒนาที่ปรากฎก็คือ 1. รอยเล็กเกินไป 2. โครงสร้างบอบบางเกินไป 3. เลี้ยงแข็งยาก ส่วนมากบินล้ม ๆ อ่อน ๆ ไม่เหมาะเลี้ยงชนทางยาว 4. เปรียวมากใจไม่เต็มร้อย ขี้ตื่นตกใจ 5. ลีลาไม่โดดเด่นถอยไม่เก่ง โยกไม่เนียน วิ่งไม่สวย แผลไม่คม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มาจากสาเหตุประการหนึ่งคือเราคัดแม่พันธุ์ยังได้ไม่สุดยอด..นั่นเอง แม่พม่าสุดยอดเป็นอย่างไร มีข้อสังเกตง่าย ๆ คือ 1. มาจากเหล่ากอที่ให้ลูกเก่งเป็นสายเลือดแท้ ๆ ของเหล่ากอนั้น...การเข้าถึงเหล่ากอจำเป็นต้องลงทุน ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายโดยไม่มีการลงทุน ลงทุนเวลาที่ต้องเทียวไปเทียวมา ลงทุนเงินทองที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับสิ่งที่เราต้องการ 2. ให้ลูกมีโครงสร้างดี อย่างน้อยต้องกระดูกดี จับดูจะรู้ทันทีว่าแข็งแกร่ง 3. ให้ลูกจิตใจดีไม่เปรียวเกินงาม 4. ลีลาต้องมีมาตรฐานในสายเลือด คือเหล่านี้ลีลาใดก็จะสามารถถ่ายทอดลีลานั้นได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อมีการผสมกับสายเลือดที่ดีเหมาะสมเพียงพอ ดังนั้นในการคัดเลือกแม่พันธุ์สิ่งต้องห้ามคือ อย่าเลี้ยงไก่ไม่มีสกุลเพราะนั่นคือการลงทุนทางด้านเวลาที่ต้องสูญเปล่าเป็นเวลานาน...สมัยก่อนผมเห็นไก่ที่ไหนเขาว่าดีก็จับมาเลี้ยงผลคือได้ไก่ปานกลางเท่านั้นไม่เคยมีไก่เก่ง..ดังนั้นวิธีคิดต้องคิดใหม่...เคยสั่งพม่าแม่สะเรียงมาเลี้ยงจำนวนมากเมื่อโตขึ้นมันก็เป็นไก่พม่าธรรมดา มันไม่เป็นแม่สะเรียงดังคำล่ำลือ..ผลคือต้องต้มกินหมด.คำว่าแม่สะเรียงมันกว้างเกินไปบอกไม่ได้ว่าเหล่าไหน...ดังนั้นถ้าท่านต้องการแม่สะเรียงท่านก็ต้องระบุลงไปเลยว่าเหล่าอะไรเป็นของใครลูกตัวไหนแม่ไหน...ถ้าดูชัด ๆ แบบนี้พลาดยาก..แต่ถ้าเหมารวมแม่สะเรียงโอกาสพลาด 60 -70% พ่อมีความสำคัญไม่ยิ่งย่อนไปกว่าแม่ พ่อม้าล่อชั้นดีก็เช่นเดียวกันจำเป็นต้องแสวงหาจากเหล่ากอที่ดี ถ้าเราได้พ่อม้าล่อจากเหล่ากอที่ดีเราจะมีความมั่นใจว่าลูกที่ได้จะล่ออย่างฉลาด...ม้าล่อมีมากมายหลายเหล่ากอ ดังนั้นม้าล่อที่ฉลาดจะเป็นช่องทางที่ดีสำหรับการต่อยอด ข้อห้ามที่สำคัญที่เราหาพ่อม้าล่อมาทำพันธุ์ก็คือ 1. ห้ามนำม้าล่อลูกผสมมาทำพ่อ ยกเว้นต้องการทดสอบ ม้าล่อลูกผสมส่วนมากจะเป็นม้าล่อยาว ส่วนมากผสมกับง่อนหรือไทย แม้จะวิ่งสวยขนาดใหญ่ก็ไม่น่าสนใจและไม่เป็นมาตรฐานสำหรับการพัฒนาสายพันธุ์ ประสบการณ์ของเราพัฒนาม้าล่อพบว่าม้าล่อลูกผสมสามารถให้ลูกเป็นม้าล่อดี ๆ ได้ไม่ถึง 10% ซึ่งการทดลองนี้ใช้พ่อพันธุ์ไม่่ตำกว่า 10 ตัว 2. ห้ามใช้ม้าล่อยาวมาเป็นพ่อพันธุ์ พม่าร้อยม้าล่อยาว เมื่อนำมาพัฒนากับแม่ม้าล่อสายต่าง ๆ ปรากฎว่าร้อยละ 50% ชอบกระโดดสังเวียน และจังหวะการกลับมาทำคู่ต่อสู้ไม่ดี ขาด ๆ เกิน ๆ นี่ผลการทดสอบจากพ่อพม่าประมาณ 5 ตัว 3. ห้ามใช้ม้าล่อไม่มีแข้งเปล่ามาทำสายพันธุ์ เพราะเมื่อพัฒนาแล้ว จะขาดแข้งหน้าจังหวะหันกลับจะไม่มีแข้งหน้า ลักษณะพ่อม้าล่อสั้นที่ดีคือ 1.ไก่ซิ่งซ้ายขวาดีดจัด ๆ พวกนี้เอามาพัฒนาม้าล่อสั้นได้ดี จะได้ลูกใช้ได้กว่าร้อยละ 80% 2. ไก่ม้าล่อสั้นรำวง จะรำวงสวยไม่สวยเวลาเอามาพัฒนากับแม่ม้าล่อสั้นจะมีลูกออกมาใช้ได้ 70-80% ไก่ชนพม่านั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พันธ์,พ่อพันธ์ควรเลือกไก่ชนที่มีชั้นเชิงไปในทางเดียวกัน การฝึกไก่ชนม้าล่อ เทคนิคการฝึกพม่าม้าล่อ ไก่พม่าม้าล่อเป็นไก่ชนเชิงพิเศษ หรือบางที่ก็ เรียกว่าไก่ขยายตี คือแทนที่มันจะขยายธรรมดา แต่มันวิ่งขยายแทนการถอย การฉากหลบ หรือ การชิ่งออกข้างนั่นเอง ดังนั้นไก่ม้าล่อจึงต้องการ การฝึกที่แตกต่างจากการฝึกไก่ทั่วไปดังนี้คือ 1. พื้นที่ฝึกควรจะกว้างกว่าพอประมาณ อย่างตํา ต้องเป็นสังเวียนขนาด 12 เมตร เพื่อให้เขาได้วิ่ง อย่างถนัด ถ้าสังเวียนแคบ ไก่จะโดนตีได้ง่าย หรือวิ่งไม่ถนัดคู่ต่อสู้ตามได้ง่าย ซึ่งในการชนจริง ก็เหมือนกันเราจะต้องเลือกสังเวียนที่กว้างเท่า ไหร่ยิ่งดี 2.การปลํ้าซ้อมครั้งแรก ควรซ้อมกับไก่ที่วิ่งไม่ ค่อยเร็วนัก ออกแข้งช้าๆเพราะไก่ใหม่ยังไม่แข็ง แรง และเมื่อไก่เริ่มแข็งค่อยเพิ่มความเร็วของไก่ ตัวซ้อมให้มากขึ้น 3. การเดินนวมให้ใช้ไก่เดินนวมที่วิ่งตามดี ๆ จะ เป็นการฟิตซ้อมเอากําลังไดดีมาก 4. กรณีไก่ชอบกระโดดออกสังเวียนให้ใช้มุ้ง เขียวหรือตาข่ายกั้นขอบสังเวียนอีกชั้นหนึ่ง ไก่ จะได้เคยชินว่ามันจะวิ่งออกไม่ได้ มีทางเดียวคือ วิ่งรอบสังเวียนนั้นเอง 5. เมื่อไก่แกร่งขึ้นแล้วให้ใช้ไก่ตัววิ่งตามที่มีการ ออกแข้งไวขึ้น เพื่อให้ไก่เราพัฒนาขึ้นอีก ในการ วิ่งและพัฒนาจังหวะการกลับมาตีให้รวดเร็วขึ้น ในการฝึกสอนบางตัวใช้เวลานานกว่าจะเคยชิน บางตัวใช้เวลาน้อยก็พัฒนาตนเองได้ ส่วนตัวไหน ไม่พัฒนาก็ต้มครับ จุดสําคัญของมาล่อคือ แม่น คม วิ่งเร็ว ปอดดี แข็งแกร่ง หนีให้ไกล ถ้าทําได้ ส่วนมากแล้วชนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ทำยังไงซื้อขายไก่ไม่ให้โดนโกง

# ทำยังไงซื้อขายไก่ไม่ให้โดนโกง # ซื้อไก่ให้ถูกใจ ...! ทุกวันนี้ไก่ชนในสื่อสังคมออนไลน์มีให้เลือกซื้อเลือกชมเยอะแยะเต็มไปหมด อยู่ที่ว่าเร...